บิทคอยน์ แตะ 38,000 ดอลลาร์ ดิ่งสุดในรอบครึ่งปี

บิทคอยน์ แตะ 38,000 ดอลลาร์ ดิ่งสุดในรอบครึ่งปี

เป็นอีกวันที่เหรียญ Bitcoin ยังร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งลดลง 7.5% ซึ่งเป็นเหตุให้เหรียญอื่น ๆ บนกระดานร่วงลงตามไปด้วย ซึ่งทำให้นักเทรดหลาย ๆ พากันเทขายเหรียญ บิทคอยน์ กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็มีการคาดการณ์กันถึงสาเหตุที่ทำให้ราคาเหรียญ Bitcoin และเหรียญอื่นบนกระดานดิ่งลง อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

ราคา บิทคอยน์ ร่วงลงต่ำสุด ในรอบ 6 เดือน

Bloomberg รายงานวันที่ 21 ม.ค. คริปโตเคอเรนซี ยังคงร่วงลงทั้งกระดาน โดย บิทคอยน์ สกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุด ได้ร่วงลงมากถึง 7.4% แตะระดับต่ำสุดอีกครั้งในรอบ 6 เดือนที่ 38,261 ดอลลาร์เหรียญสหรัฐฯ และตามมาด้วย อิเธอเรียม สกุลเงินดิจิทัลอันดับสองร่วง 9 % แตะอยู่ที่ 3,000 ดอลลาร์เหรียญสหรัฐฯ นอกจากก็ยังมีเหรียญอื่น ๆ อีกหลายเหรียญก็ร่วงตามลงมาติด ๆ CoinMarketCap ระบุว่าในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาตลาดสกุลเงินดิจิทัลได้สูญเสียมูลค่าไปประมาณ 147,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และนักลงทุนยังเทขายอย่างต่อเนื่อง

สาเหตุ บิทคอยน์ ลดลงต่ำสุดในรอบหลาย ๆ เดือน

ตลาด คริปโตเคอเรนซี ในระยะหลังมานี้ค่อย ๆ ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลาย ๆ คน กำลังถามหาสาเหตุที่ทำให้เหรียญ บิทคอยน์ และเหรียญอื่น ๆ ร่วงลงอย่างรุนแรง ซึ่งข่าวจาก CNBC รายงานว่าธนาคารกลางรัสเซียมีการเสนอให้ห้ามมีการใช้และขุด คริปโตเคอเรนซี ในดินแดนรัสเซีย จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดคริปโตร่วงลงอย่างหนัก  เนื่องจากประเทศรัสเซียเป็น 1 ใน 3 ประเทศที่มีเหมืองขุด คริปโตเคอเรนซี มากที่สุดในโลก และยังมีปริมาณการซื้อขายคริปโตมากถึง 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปีอีกด้วย

ธนาคารกลางรัสเซียแจ้งเกี่ยวกับความเสี่ยงเหรียญ บิทคอยน์

ธนาคารกลางรัสเซียแจ้งว่าสกุลเงินดิจิทัลมีความเสี่ยงทางการเงินมากที่สุด เพราะมีความผันผวนสูง และยังถูกใช้เป็นเครื่องมือในการฉ้อโกงและฟอกเงิน และยังทำให้เกิดภาวะฟองสบู่ได้ และยังสร้างปัญหาด้านพลังงาน เพราะการขุด คริปโตเคอเรนซี ต้องใช้พลังงานจำนวนมาก

สาเหตุ บิทคอยน์ ลดลงต่ำสุดในรอบหลาย ๆ เดือน ยังมีสาเหตุมาจากความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐ ( เฟด ) ที่มีแนวโน้มจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้ เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี  ทำให้ตลาด คริปโตเคอเรนซี เกิดความผันผวนอย่างหนักนั้นเอง เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ มองว่าเศรษฐกิจของสหรัฐในเวลานี้แข็งแกร่งมากพอ และเฟดไม่จำเป็นต้องใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกต่อไป ซึ่งหลังจากที่ใช้มาตรการดังกล่าวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด – 19 มาแล้ว