รัสเซียใช้ Bitcoin เพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรจากตะวันตก

รัสเซียใช้ Bitcoin เพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรจากตะวันตก

วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมากองทัพทหารรัสเซียได้เริ่มเหยียบย่ำดินแดนยูเครนอย่างเป็นทางการแล้ว ด้วยความต้องการที่จะรวมดินแดนทั้งสองประเทศเข้าด้วยกัน ซึ่งถือเป็นความกล้าหาญที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีการคาดการณ์ว่าก่อนจะถึงจุดยุตินั้นอาจต้องใช้ระยะเวลายาวนานหลายเดือน ซึ่งอาจเป็นตัวจุดชนวนการคว่ำบาตรจำนวนมากจาก NATO และพันธมิตรในรัสเซียได้ สหรัฐฯ ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรชุดแรกในวันจันทร์ ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 หลังจากที่รัสเซียพยายามท้าทายการเรียกร้องให้ยุติการบ่อนทำลายอำนาจอธิปไตยและความสมบูรณ์ของดินแดนของยูเครนนั่นเอง

หลังจาก Putin แถลงการณ์ Bitcoin ร่วงลงทั้งกระดาน

หลังจากที่ Putin ได้ยอมรับสาธารณรัฐโดเนตสค์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์ ( DNR และ LNR ) ว่าเป็นรัฐ “อิสระ” และได้เตรียมส่งกองกำลังทหารเข้าไปยังพื้นที่เหล่านั้น โดยเมื่อเช้าวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้นำสหภาพยุโรปได้ให้คำมั่นว่า เห็นด้วยกับมาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งตามรายงานของ New York Times ได้ให้ข้อมูลว่า บริษัทในรัสเซียมีเครื่องขุด คริปโตเคอเรนซี จำนวนมากเพื่อหลบเลี่ยงการคว่ำบาตรนั่นเอง

Putin ในการเร่งสร้างกฎหมายและการเงินสำหรับ Bitcoin

สหรัฐอเมริกาได้มีการสั่งห้ามชาวอเมริกันทำธุรกิจกับธนาคารรัสเซีย ผู้พัฒนาน้ำมันและก๊าซ และบริษัทอื่น ๆ หลังจากการรุกรานของไครเมียได้ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลและรวดเร็วให้กับเศรษฐกิจของรัสเซีย นักเศรษฐศาสตร์ได้ประเมินว่าการคว่ำบาตรที่จะบังคับใช้โดยชาติตะวันตกจะทำให้รัสเซียต้องเสียค่าปรับ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี เลยทีเดียว ทำให้สกุลเงินดิจิทัลและสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ได้พุ่งสูงขึ้น และนั่นเป็นข่าวร้ายสำหรับผู้บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตร แต่เป็นข่าวดีสำหรับรัสเซีย ประธานาธิบดี Putin ของรัสเซีย ได้เร่งสร้างกฎหมายและการเงินสำหรับเหรียญ Bitcoin ได้ถูกตีความว่าเป็นการเตรียมการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกหลังจากการกระทำตามแผนของเขาในยูเครนนั่นเอง

รัสเซียเป็นประเทศขุด Bitcoin ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก

Stacy Herbert เชื่อว่า Bitcoin อาจเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุดในการขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับ NATO/US ก็เป็นได้ รัสเซียถือได้ว่าเป็นประเทศที่ขุด Bitcoin ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ซึ่งนั้นก็แสดงให้เห็นว่าพลเมืองของประเทศรัสเซียได้ถือครอง cryptocurrency มูลค่ากว่า 2.14 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมีประมาณ 12% ของมูลค่าสินทรัพย์ คริปโตเคอเรนซี ทั่วโลก ด้วยการถือครอง คริปโตเคอเรนซี จำนวนมากขนาดนี้ ผู้เชี่ยวชาญต่างก็เชื่อว่ารัสเซียจะหลบเลี่ยงการคว่ำบาตรได้ และรัสเซียยังสามารถได้รับการสนับสนุนจากชาติอื่น ๆ อีก เช่น อิหร่าน จีน และอื่น ๆ อีก

อย่างไรก็ตามรายงานล่าสุดของ Center for a New American Security แสดงให้เห็นว่า คริปโตเคอเรนซี สามารถลดผลกระทบจากการคว่ำบาตรของประเทศสหรัฐฯ เนื่องจาก คริปโตเคอเรนซี สามารถทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องเกี่ยวข้องกับระบบธนาคารทั่วโลกนั่นเอง