ผู้ถือครองคริปโตเคอเรนซีเกือบครึ่ง เพิ่งเข้าซื้อเมื่อปี 2021

จากผลสำรวจพบ ผู้ถือครองคริปโตเคอเรนซีเกือบครึ่ง เพิ่งเข้าซื้อเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา

จากกระแสความต้องการของ คริปโตเคอเรนซี ที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา มูลค่าของเหรียญคริปโตเคอเรนซีนั้นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นหลายเหรียญ มีนักลงทุนที่ลงทุนในระยะยาวเพิ่มมากขึ้น ดูจากการขาดแคลนเหรียญไม่ว่าจะเป็น บิทคอยน์ อิเธอเรียม และ เหรียญอื่น ๆ ที่เริ่มหายากมากขึ้น แสดงให้เห็นถึงมีนักลงทุนนั้นเริ่มเข้ามาสู่ตลาดของสินทรัพย์ดิจิทัลกันมากขึ้น และจากการสำรวจพบว่าส่วนมากกว่าครึ่งของจำนวนทั้งหมดนั้นเพิ่งจะเข้ามาลงทุนในช่วงปี 2021 นี้เอง

ผู้ถือครองคริปโตเคอเรนซี กว่าครึ่งได้เริ่มต้นลงทุนเมื่อปี 2021

ผลสำรวจใหม่จาก Gemini ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายสกุลเงินคริปโตเคอเรนซีของประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า เจ้าของสกุลเงินคริปโตเกือบครึ่งหนึ่งในสหรัฐฯ ละตินอเมริกา และเอเชียแปซิฟิก ได้เริ่มต้นเข้าซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นครั้งแรกในปี 2021 เป็นตัวอย่างการสำรวจที่ได้สุ่มสำรวจออกมาจาก ความคิดเห็นของประชาชนกว่า 30,000 คน ใน 20 ประเทศทั่วโลก และข้อมูลจากผู้ใช้งานใน ตลาดซื้อขายสกุลเงินคริปโตเคอเรนซี ที่ได้สรุปออกมาจากช่วงปี 2021 ถึงปัจจุบัน พบว่าจำนวนผู้ลงทุนหน้าใหม่กว่าครึ่งจากผู้ลงทุนทั้งหมด มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในปี 2021 ที่ผ่านมา และยังเป็นช่วงที่มูลค่าของเหรียญคริปโตเคอเรนซีกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือน ตุลาคม – พฤศจิกายน 2021

ความเสี่ยงในเงินเฟ้อและการอ่อนค่าของเงินในประเทศ ทำให้นักลงทุนสนใจ คริปโตเคอเรนซี มากขึ้น

Gemini พบว่า ประชาชนกว่า 79% ที่รายงานการถือครองคริปโตเคอเรนซีในปีที่แล้วระบุว่า พวกเขาเลือกที่จะซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับโอกาสการลงทุนในระยะยาว และใช้ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ สำหรับประชาชนที่ไม่เคยลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลและอาศัยอยู่ในประเทศที่กำลังประสบปัญหาเรื่องค่าเงินของประเทศนั้นอ่อนค่าลง จึงเริ่มสนใจในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้นแล้ว

จากผลที่มีผู้ตอบแบบสำรวจเพียง 16% ในสหรัฐ และ 15% ในยุโรปเห็นพ้องว่า สกุลเงินคริปโตประกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ เทียบกับผู้ตอบแบบสำรวจ 64% ในอินโดนีเซีย และอินเดีย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าปัญหาของค่าเงินอ่อนตัวลงนั้นมีความสำคัญต่อประชาชน ต้องหาสินทรัพย์ตัวใหม่เพื่อรักษามูลค่าไว้

ขณะที่บิทคอยน์พุ่งทำสถิติสูงสุดตลอดกาลที่กว่า 68,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งช่วยทำให้มูลค่าของตลาดสกุลเงินคริปโตเคอเรนซีนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ บิทคอยน์ ก็มีการซื้อขายในกรอบแคบ ๆ ระหว่าง 34,000 – 44,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้นโดยเป็นราคาเฉลี่ยทั้งปี

ประชาชนในประเทศบราซิลและอินโดนีเซีย ยอมรับคริปโตเคอเรนซี ก่อนประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก โดยประชาชน 41% ในผลสำรวจในประเทศเหล่านี้เป็นเจ้าของเหรียญคริปโตเคอเรนซี เทียบกับจำนวนเพียง 20% ในสหรัฐอเมริกา และ 18% ในอังกฤษ

จากการสำรวจที่เกิดขึ้นนี้เห็นได้ว่า ประชาชนที่ประสบปัญหานั้นมักจะเลือกสินทรัพย์อย่าง คริปโตเคอเรนซี ที่เป็นสินทรัพย์รักษามูลค่าแทนที่จะเลือกทองคำ เพราะความง่ายในการลงทุน การเข้าถึง และจำนวนที่สามารถเลือกซื้อได้นั้นยืดหยุ่นกว่าทองคำ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มีความน่าสนใจกว่า แต่ก็ต้องเสี่ยงในเรื่องของความผันผวนของมูลค่าเช่นกัน จึงมีประชาชนไม่มากนักที่กล้าจะลงทุน

ถ้าหากว่าอนาคตความผันผวนที่เกิดขึ้นกับเงินสกุลดิจิทัลนั้นลดน้อยลง นักลงทุนอีกมากที่ยังลังเลจะต้องให้ความสนใจกันมากขึ้นอย่างแน่นอน แต่อาจจะต้องรอจนกว่าเกิดการปรับเปลี่ยนต่าง ๆ ให้เหมาะสมก่อน แต่ก็อีกไม่นานที่เมื่อมูลค่าของ บิทคอยน์ นั้นเพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่สามารถลดความผันผวนได้ ก็จะเป็นทางเลือกที่แย่งส่วนแบ่งการลงทุนจากทองคำมาได้เช่นกัน