Stacking คืออะไร เรียนรู้กัน

Stacking คืออะไร เรียนรู้กันเตรียมตัวเข้าสู่ยุคของ Proof of Stake

Stacking คืออะไร มีความน่าสนใจในการลงทุนอย่างไร

Stacking เป็นสิ่งที่นักลงทุนหลายต่อหลายคนนั้นล้วนต้องเคยได้ยิน ได้อ่าน หรือได้ผ่านตากันมาบ้างแล้วในโลกของการลงทุน คริปโตเคอเรนซี แล้วการ Stacking คืออะไร มีความน่าสนใจแบบไหนในการลงทุน เพื่อให้นักลงทุนนั้นเข้าใจระบบการเงินในยุค สกุลเงินดิจิทัล กันมากขึ้นเรามาเรียนรู้หลักการของ Stacking ว่าคืออะไรกันก่อน เพื่อการเข้าใจที่มากยิ่งขึ้นก่อนการเริ่มลงทุนของนักลงทุน ที่ไม่ว่าใครก็ตามควรจะต้องเรียนรู้ให้เข้าใจเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับการ Stacking นั้นจะเป็นการเงินสำหรับ เงินสกุลดิจิทัล เป็นการลงทุนในรูปแบบใหม่ที่จะใช้การออมเงินมาเป็นต้นแบบ แล้วตอบแทนผลดอกเบี้ยให้แก่นักลงทุนคืนมา นี่ก็คือหลักการแบบง่าย ๆ ของการทำ Stacking

ที่มาของการเกิดการ Stacking ขึ้นนั้นจะเกิดขึ้นในปี 2011 ที่ได้มีแนวคิดอยากจะทำการค้ำประกันเงินสกุลดิจิทัล โดยที่นักลงทุนจะนำเหรียญ คริปโตเคอเรนซี มาทำงานฝากไว้ในระบบเพื่อเป็นหลักประกันในการดำเนินธุรกรรมการเงินในระบบ Blockchain แล้วมีการตอบแทนนักลงทุนด้วยค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นให้แก่นักลงทุน โดยที่ระบบแรกที่เป็นต้นแบบก็คือ Peercoin ที่ริเริ่มใช้หลักการนี้ในการออมเงินของเหรียญ คริปโตเคอเรนซี

Stacking กับ DeFi ( Decentralized Finance ) แตกต่างกันอย่างไร

สำหรับบางท่านที่สงสัยเกี่ยวกับว่า Stacking กับ DeFi ( Decentralized Finance ) นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร ต้องบอกเลยว่าไม่แตกต่างเลยเพราะในปัจจุบันนี้การทำ Stacking นั้นเป็นส่วนหนึ่งของระบบ DeFi ไปแล้ว แต่ในตัวของ DeFi เป็นการเรียกรวม ๆ ของการทำธุรกรรมด้านการเงินใน สกุลเงินดิจิทัล ที่มีหลากหลายแบบให้นักลงทุนได้เลือก เป็นการต่อยอดจากเดิมที่เพิ่มโอกาสการทำเงินให้นักลงทุนได้มากขึ้น มีผลตอบแทนที่มากขึ้น และในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่าการทำ DeFi นั้นแตกย่อยไปมากมายอย่างเช่น Yield Farming, Liquidity Pools, Game-Fi แต่ละอย่างก็จะเป็นการนำเงินของนักลงทุนนั้นไปต่อยอดแล้วตอบแทนกลับคืนมาเช่นเดียวกัน

Proof of Stake การขุดเหรียญ คริปโตเคอเรนซี ที่เปลี่ยนไป

Proof of Stake แน่นอนว่าใครที่กำลังสนใจเรื่องของการทำ Stacking แล้วย่อมต้องเคยได้ยินอีกเช่นเดียวกันว่าในอนาคตจะมีระบบของ Proof of Stake เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการขุดเหรียญ คริปโตเคอเรนซี เพราะในอนาคตต่อไปในระบบเหรียญบางเหรียญอย่าง อิเธอเรียม จะไม่สามารถถูกขุดด้วยเครื่องขุดอีกต่อไปแล้ว ในการขุดเหรียญ หรือการทำเหมือง คริปโตเคอเรนซี ในก่อนหน้านี้จะเป็นการทำงานในระบบ Proof of Work ที่จะใช้เครื่องขุดในแบบต่าง ๆ เพื่อขุดเหรียญขึ้นมาเข้าระบบ แต่ต่อไปการขุดเหรียญนี้จะหายไปแล้วทดแทนด้วยการทำ Stacking แทน ตัวอย่างในการทำ Stacking ก็จะเป็นการฝากเหรียญ อิเธอเรียม ( ETH ) เข้าระบบการขุดแล้วผลตอบแทนก็จะได้เหรียญ ETH กลับคืนมาได้เป็นผลตอบแทนจะเป็น เฉลี่ยต่อปี ( APY ) ซึ่งจะมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับจำนวนเหรียญที่นักลงทุนนั้นมี แล้วนำไปขุดเพื่อรับผลตอบแทนเพิ่ม

จะเห็นได้ว่ายุคต่อไปจะเป็นยุคของคนที่มีเหรียญจำนวนมากในมือแล้ว เหมือนกับการลงทุนซื้อเครื่องขุดแต่จะเป็นการซื้อเหรียญนำมาขุดแทน ถ้าเมื่อมีการปรับเปลี่ยนมาเป็นแนวทางนี้แล้วจำนวนเหรียญในระบบนั้นจะยิ่งลดน้อยลงมากไปอีก มีนักลงทุนที่พร้อมจะนำเหรียญมาขุดมากขึ้น ทำให้มูลค่าในอนาคตรับรองได้เลยว่ามีโอกาสพุ่งสูงอย่างแน่นอน จึงอยากให้นักลงทุนนั้นลองแบ่งพอร์ตมาสะสมเหรียญที่อนาคตนั้นจะมีการนำมาทำ Proof of Stake ได้ เมื่อเครื่องขุดจะไม่สามารถขุดได้เลย แล้วการทำ Proof of Stake ก็ได้เหรียญน้อยลงไปอีกจึงมีแนวโน้มสูงมากที่เหรียญจะเพิ่มมูลค่า หมดปัญหาเหรียญล้นตลาดอย่างแน่นอนด้วยวิธีนี้

แต่การลงทุนย่อมมีความเสี่ยงเสมอ ไม่ว่าในอนาคตตัวเหรียญนั้นดูดีแค่ไหนก็ตามอยากให้ลองศึกษาให้ดีก่อนลงทุนทุกครั้ง อย่าเชื่อตามทั้งหมด เป็นเพียงการวิเคราะห์เบื้องต้นเท่านั้น นักลงทุนควรจะต้องศึกษารอบด้านให้ทั้งหมดอีกครั้ง