BNK Token เริ่มต้นสู่การสร้างเหรียญคริปโตเคอเรนซี

BNK Token เริ่มต้นสู่การสร้างเหรียญคริปโตเคอเรนซี สำหรับแฟนคลับเท่านั้น

BNK48 วงดนตรีชื่อดังของประเทศไทยที่ได้สร้างปรากฏการณ์วงการเพลงที่โด่งดังอย่างมากในช่วงหลายปีมานี้ แทบจะทุกคนล้วนต้องเคยได้ยินเพลง คุกกี้เสี่ยงทาย เพลงชื่อดังที่สร้างฐานแฟนคลับให้กับวง BNK48 ได้มากมาย ทำให้ผลประกอบการของบริษัท อินดิเพนเด้นท์ อาร์ทิสท์ เมเนจเม้นท์ จำกัด ( iAM ) หรือชื่อเดิม บีเอ็นเค48 ออฟฟิศ จำกัด พลิกจากขาดทุนสุทธิ 22 ล้านบาท ในปี 2560 กลับมากำไรในปี 2561 มีกำไรสุทธิกว่า 146 ล้านบาท ในปี 2562 มีกำไรสุทธิ 166 ล้านบาท แต่ช่วงหลังนั้นกลับเริ่มลดลงจากสถานการณ์ Covid – 19 จึงต้องการมีการปรับกลยุทธ์เพื่อสร้างรายได้ให้อย่างยั่งยืนมากขึ้น และแฟนคลับจะเป็นส่วนช่วยสำคัญที่จะทำให้วงดนตรี BNK48 และวงหน้าใหม่อื่น ๆ นั้นมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้ 

BNK Token เหรียญคริปโตเคอเรนซีสำหรับแฟนคลับเท่านั้น

BNK48 ที่นำโดยบริษัท อินดิเพนเด้นท์ อาร์ทิสท์ เมเนจเม้นท์ จำกัด ได้สร้างความร่วมมือกับ Token X บริษัทในเครือของ SCB 10X ซึ่งอยู่ภายใต้กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCBX ได้นำเทคโนโลยี Blockchain และ Tokenization ซึ่งเป็นกระบวนการทำงานของเหรียญคริปโตเคอเรนซี นำมาประยุกต์ใช้สำหรับให้แฟนคลับได้มีโอกาสสนับสนุนวง BNK48 ได้มากขึ้นกว่าเดิม

สร้างออกมาเป็น BNK Token เหรียญคริปโตเคอเรนซีที่ไม่ใช่เหรียญสำหรับการลงทุน แต่เหมือนเหรียญสำหรับแฟนคลับและผู้สนับสนุนเท่านั้น ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ มากขึ้นกว่าเดิม ตามเงื่อนไขการสนับสนุนจำนวนเหรียญที่ได้กำหนดระดับสิทธิของแฟนคลับไว้ดังนี้

  • ระดับ Copper สำหรับผู้ที่มีเหรียญเฉลี่ยน้อยกว่าและเท่ากับ 100 เหรียญ
  • ระดับ Silver สำหรับผู้ที่มีเหรียญเฉลี่ยน้อยกว่าและเท่ากับ 300 เหรียญ
  • ระดับ Gold สำหรับผู้ที่มีเหรียญเฉลี่ยมากกว่า 300 เหรียญ

ซึ่งก็เหมือนกับระบบระดับของสมาชิกแบบทั่วไป แต่นำเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้นกว่าเดิม ในแต่ละระดับก็จะมีสิทธิพิเศษที่แตกต่างกันออกไป ใครที่สนับสนุนมากก็มีโอกาสได้รับสิ่งต่าง ๆ จากวง BNK48 ที่มากขึ้น เป็นกลยุทธ์ใหม่ที่ได้สร้างขึ้นเพื่อแฟนคลับที่สนับสนุนวงดนตรีกันมาอย่างนานได้มีความสำคัญต่อวง BNK48 มากขึ้นกว่าเดิม

BNK Token ได้นำมาใช้สำหรับกิจกรรมของวงได้มากขึ้นกว่าเดิม

ปกติแล้ววง BNK48 จะเปิดให้แฟนคลับนั้นได้ร่วมโหวตเพื่อค้นหานักร้องที่เหมาะสมกับการเปิดตัวเพลงใหม่หรือ Single ใหม่ ซึ่งจากเดิมนั้นจะเป็นการสนับสนุนจากการซื้อสินค้าต่าง ๆ ของวงและจะได้รับคะแนนสำหรับนำไปโหวต เปลี่ยนมาเป็นแฟนคลับต้องเป็นผู้สนับสนุนผ่าน BNK Token ที่จะมีสิทธิ์โหวตได้ตามระดับของแต่ละคน ในรูปแบบนี้จะเป็นส่วนช่วยวง BNK48 โดยตรงมากกว่า กระจายฐานแฟนคลับได้มากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าแฟนคลับจะอยู่ที่จังหวัดไหนหรือแม้แต่ประเทศไหนก็ยังสามารถติดตามและร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตลอดเวลา

นอกจากนี้ยังมีสิทธิพิเศษอีกมากมายที่กำลังจะประกาศออกมาเรื่อย ๆ สำหรับผู้สนับสนุน BNK Token จะมีโอกาสได้รับมากกว่าสมาชิกแบบทั่ว ๆ ไปไม่ว่าจะเป็น การลดราคาสินค้าที่ระลึก โอกาสได้ร่วมกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ ที่นักร้องและวง BNK48 ได้จัดขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งใหม่ที่วงดนตรีอีกมากมายนั้นกำลังจับตาดู พร้อมทั้งศึกษาแนวทางที่จะนำไปใช้ได้จริงเช่นเดียวกับ BNK48

จะเห็นได้เลยว่าเทคโนโลยี Blockchain นั้นไม่ได้จำกัดแค่การทำธุรกรรมในการลงทุนเพียงอย่างเดียว สามารถนำมาประยุกต์ใช้สำหรับการดำเนินการต่าง ๆ ได้อย่างมากมาย เป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยให้การใช้งานเกี่ยวกับข้อมูลนั้นก้าวไปอีกขั้น เพราะ Blockchain นั้นมีความโปร่งใส ไม่สามารถดัดแปลงแก้ไขและตรวจสอบได้ รวมถึงมีการทำงานที่รวดเร็ว รองรับการขยายตัวได้ตลอดเวลา เหมือนกับระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่ไม่ต้องลงทุนเครื่อง Server เอง แต่ใช้ระบบนี้เพื่ออำนวยความสะดวกต่าง ๆ ได้มากขึ้น หลังจากนี้ในอนาคตอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เทคโนโลยี Blockchain จะเริ่มเข้ามาสู่การใช้ Blockchain เป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ให้กับองค์กร ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นการทำเกี่ยวกับการเงินเท่านั้น การทำธุรกรรมอื่น ๆ ก็สามารถเลือกใช้ Blockchain เข้ามาช่วยเป็นตัวกลางที่ทำงานได้ด้วยเช่นเดียวกัน