Bitcoin เป็นทองดิจิทัลหรือยัง

Bitcoin มีคุณสมบัติสามารถเป็นทองดิจิทัลได้หรือยัง

จากกระแสความสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัล Bitcoin ได้รับความนิยมและการยอมรับทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เปิดกว้างให้นักลงทุนได้เข้าถึงในการซื้อขายอย่างไร้ขีดจำกัด ได้รับความสนใจจากนักวิเคราะห์การเงิน คนดัง รวมถึงนักลงทุนจากหลายภาคส่วนจากหลากหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก เข้ามาร่วมลงทุน

จนมีนักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs กล่าวในงานวิจัยว่า Bitcoin จะมาแย่งส่วนแบ่งตลาดจากทองคำ ในฐานะของ digital asset จนทำให้บางคนนำไปเปรียบให้เป็น digital gold ไปเลย เนื่องจากมีลักษณะที่เทียบได้กับทองคำมาก แต่เป็นเวอร์ชันที่ถูกอัปเกรดให้อยู่ในรูปแบบของภาษาคอมพิวเตอร์

ตั้งใจให้ Bitcoin เป็น Electronic Cash

จริง ๆ แล้ว ตาม Bitcoin White Paper แล้ว จุดประสงค์หลัก ๆ ของ Bitcoin ที่ถูกสร้างขึ้นมาก็เพื่อให้เป็นเงินดิจิทัลที่เราสามารถใช้จ่ายหรือโอนหากันได้โดยที่ไม่ต้องผ่านตัวกลางใด ๆ ( Peer-to-peer electronic cash ) เป็นเงินที่ไร้คนกลาง ไม่ต้องมีการควบคุม แม้แต่รัฐบาลหรือสถาบันการเงินใด ๆ

รวมทั้งมีความโปร่งใส เพราะเป็นการทำงานที่ทุกคนในระบบสามารถเห็นได้ เสมือนเป็นพยานด้วยกันทุกคน มีความเป็นส่วนตัว ที่ไม่สามารถติดตามหรือเข้าถึงเจ้าของรหัสได้ มีการทำงานอย่างรวดเร็ว ทำงานผ่านระบบคอมพิวเตอร์ จึงไม่มีรูปร่างที่จับต้องได้ ร่วมกับอินเทอร์เน็ต จึงใช้งานได้ทุกมุมโลกที่มีอินเทอร์เน็ต

มีความคาดหวังกันว่า Bitcoin น่าจะได้การยอมรับให้เป็นสกุลเงินใหม่ของโลกในอนาคต ที่จะเข้ามาช่วยทำให้การซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการทั่วโลก ไร้คนกลางควบคุม มีความปลอดภัยและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น สามารถใช้จ่ายได้จากทั่วทุกมุมโลก ค่าธรรมเนียมต่ำกว่าระบบการเงินเดิม

เหมาะไหมที่จะใช้ Bitcoin ในชีวิตประจำวัน

หากจะมาดูการใช้ Bitcoin แทนเงินในชีวิตประจำวันแล้ว ร้านค้าและธุรกิจอีกมากมายที่ยังไม่รับชำระด้วย Bitcoin หรือถึงแม้จะมีการรับชำระจริง แต่ Bitcoin ที่ได้รับมาจะถูกแปลงเป็นสกุลเงินของประเทศ หรือเงินบาททันที นั่นเป็นเพราะ สินค้า ค่าเช่า ค่าน้ำไฟ เงินเดือนพนักงาน จ่ายไปด้วยเงินบาท ดังนั้น ต้นทุนทุกอย่าง ยังอยู่ในรูปของเงินบาทนั่นเอง และต่อเนื่องด้วยระบบบัญชี ที่ต้องมีการบันทึกรายรับ รายจ่าย ในระบบเงินบาทอีกด้วย

ด้วยมูลค่าของ Bitcoin ที่มีความผันผวนตลอดเวลา ไม่มีความคงที่ มีผลทำให้สินค้าและบริการนั้นที่รับชำระด้วย Bitcoin ก็จะมีราคาที่ไม่คงที่ตามไปด้วย ขึ้นอยู่กับราคาตลาด ยิ่งไปกว่านั้น ในการแลก Bitcoin กลับคืนเป็นเงินบาท ก็จะมีความเสี่ยงว่าจะได้รับเงินบาทในอัตราที่ดีหรือไม่ เหมือนกับที่บริษัทส่งออกที่มีความเสี่ยงกับอัตราเงินแลกเปลี่ยน ที่ต้องมีการทำประกันความเสี่ยงของอัตราเงินไว้ด้วย

นอกจากนั้น ยังมีวิธีอื่น ๆ ที่สะดวกสบายและยอมรับกันอยู่แล้วทั่วโลก การใช้บัตรเครดิตยังเป็นที่นิยมและคุ้นชิน ทั้งยังสามารถขจัดข้อปัญหาของการใช้ Bitcoin ต่าง ๆ ได้

และปัจจัยที่สำคัญที่สุด ก็คือรัฐบาลของแต่ละประเทศ ที่ต้องการรักษาอำนาจในการกำหนดนโยบายการเงินและการคลังของประเทศ ในการดูแลระบบการเงินโดยผ่านการควบคุมการกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ที่ในขณะนี้ ยังไม่ยอมรับ Bitcoin ในสถานะสกุลเงิน และมีการปรามการใช้ในการใช้ชำระแทนเงินตามกฎหมาย รวมทั้งการโฆษณาต่าง ๆ ในที่สาธารณะ

หรือ Bitcoin จะมาแทนที่ทองคำ

Bitcoin ในฐานะตัวเก็บมูลค่า ( store of value )

นาย Jerome Powell เป็นประธานคนที่ 16 ของธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวว่า

“พวกเขาใช้มัน ( Bitcoin ) เป็นตัวเก็บมูลค่าเหมือนทอง … มันก็มีไว้เก็งกำไรเหมือนทองคำนั่นแหละ”

โดยหลักการแล้ว ทรัพย์สินที่มีมูลค่าและมีการเติบโตที่ดี ก็จะถูกเป็นตัวเลือกใช้ทำการลงทุนและเก็งกำไร 

ถ้าจะเปรียบเทียบ Bitcoin กับทองคำในแง่มุมของสินทรัพย์ที่ควรค่าแก่การลงทุน มีสิ่งที่เหมือนกัน ก็คือ

  • มีปริมาณที่จำกัด และมีความหายาก
  • มีความคงทน ไม่สึกหรอง่าย ยากต่อการทำลาย
  • มีการปลอมแปลงได้ยาก
  • มีการยอมรับจากทั่วโลก ทุกประเทศใช้มาตรฐานเดียวกัน

ในขณะที่สิ่งทั้งสองมีความต่างกัน ก็คือ

  • ลักษณะทางกายภาพ ทองคำสามารถจับต้องได้ ต่างกับ Bitcoin ที่เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ไม่สามารถจับต้องได้
  • การควบคุม ทองคำมีตลาดเป็นศูนย์กลางในการควบคุมดูแลราคา ต่างจาก Bitcoin เป็นตลาดแบบไร้ตัวกลาง ไม่มีผู้ควบคุมระบบใด ๆ
  • ความเป็นส่วนตัว การซื้อขายทองต้องติดต่อผ่านคนกลางที่ต้องมีการระบุตัวตน ต่างกับ Bitcoin ที่มีรูปแบบบัญชีที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้
  • ความเสถียรของราคา ทองคำถึงจะมีการแกว่งของราคาอยู่บ้าง แต่ก็อยู่ในกรอบที่ไม่โลดโผนจนเกินไป ในขณะที่ Bitcoin มีความผันผวนสูงมาก ซึ่งมักมีผลมาจากการเก็งกำไรเป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม Bitcoin นั้นยังมีอายุแค่ 10 กว่าปี เมื่อจะเทียบกับทองคำที่ผ่านการยอมรับว่าเป็นสินทรัพย์สำหรับการเก็บมูลค่ามาอย่างยาวนานกว่าเป็นพันปี Bitcoin จึงยังต้องใช้เวลาในการพิสูจน์มูลค่าของตัวเองในอนาคตอีกยาวไกล

ถึงอย่างไร Bitcoin ก็นับว่าเป็นสินทรัพย์เสี่ยง ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ที่บางคนสามารถยอมรับ และจัดให้เป็นหนี่งในสินทรัพย์ทางเลือก ที่อาจจะช่วยเก็บรักษาความมั่งคั่งไว้ได้ ตามแต่ข้อสรุปทางความคิดและความเชื่อของบุคคล

Bitcoin อาจจะเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงระบบการเงินในยุคดิจิทัลก็เป็นได้ ที่การลงทุนในตลาด cryptocurrency จะมีการศึกษาและการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นในอนาคต