ประวัติและอนาคตของ DeFi Lending

ประวัติและอนาคตของการให้กู้ยืมแบบ DeFi ( DeFi Lending )

อนาคตของ การให้กู้ยืมแบบ DeFi นั้นดูน่าตื่นเต้น และยังมีที่ว่างสำหรับการเจริญเติบโตอีกมาก

การให้กู้ยืม ได้กลายเป็นเสาหลักของ DeFi และยังช่วยวางระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ โปรโตคอลแรกเริ่มที่สนับสนุนแนวคิดนี้ ทำให้จุดยืนของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นในอุตสาหกรรม แม้ว่าโปรโตคอลใหม่ ๆ จะมีการปรับปรุงตามแนวคิดที่มีอยู่ อนาคตของ การให้กู้ยืมแบบ DeFi ดูน่าตื่นเต้น และยังมีที่ว่างสำหรับการเจริญเติบโตอีกมาก

การให้กู้ยืม DeFi เริ่มต้นอย่างไร

ตามทฤษฎีแล้ว Bitcoin เป็นเครือข่ายแรก ที่นำเสนอแนวคิดเรื่องการกระจายอำนาจทางการเงิน หากไม่มี Bitcoin อุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลคงจะไม่มาถึงทุกวันนี้ รวมไปถึง จะไม่มีแนวความคิดถึงทางเลือกใหม่ของสินค้าและบริการทางการเงินแบบกระจายอำนาจในปัจจุบัน ถึงแม้โครงสร้างพื้นฐานของ Bitcoin จะไม่ได้ให้กู้ยืมด้วยตัวของมันเอง แต่ก็เป็นจุดแรกเริ่มของระบบนิเวศ DeFi ที่แผ่ขยายครอบคลุมหลายล้านดอลลาร์

ในที่สุด มันถูกแทนที่ด้วย Ethereum เครือข่ายที่มี smart contract ( สัญญาอัจฉริยะ ) และโอกาสอื่น ๆ สำหรับนักพัฒนา Ethereum มีความเหมาะสมกว่าในการอำนวยความสะดวกให้กับแนวคิด DeFi เช่น การให้ยืม การยืม การ stake การทำ yield farming ฯลฯ  ขอบคุณแพลตฟอร์มอย่าง Aave, Compound, MakerDAO, Liquity และอื่น ๆ ภาคส่วนของการกู้ยืมได้เริ่มดำเนินการขึ้นอย่างมั่นคง อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์มใหม่ ๆ กำลังออกสู่ตลาด เพื่อปรับปรุงบนรากฐานที่วางไว้ โดยแพลตฟอร์มผู้บุกเบิก เพื่อให้ประสบการณ์ผู้ใช้ที่น่าสนใจ พร้อมกับช่องทางของรายได้ใหม่ ๆ

MakerDAO, Compound และ Aave ทำอะไร

MakerDAO, Compound, Aave และ Liquity ทั้งหมดดูคล้ายกันมาก บริการหลักของพวกเขาก็เพื่ออำนวยความสะดวกในการยืมและให้ยืมแบบกระจายอำนาจ ทำให้ผู้ให้บริการสภาพคล่องมีรายได้จากการชำระดอกเบี้ย นอกจากนี้ ผู้กู้สามารถใช้สินทรัพย์ที่ยืม ผ่านโปรโตคอลการเงินแบบกระจายอำนาจอื่น ๆ เพื่อทำการ yield farming  การ liquidity mining และอื่น ๆ ตราบใดที่พวกเขาชำระคืนเงินกู้ กำไรทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากสินทรัพย์ที่ยืมจะเป็นของพวกเขา

Compound ยังคงเป็นหนึ่งในโปรโตคอลการให้ยืม DeFi ที่สำคัญที่สุดบน Ethereum โดยได้แนะนำสิ่งจูงใจในการ liquidity mining และโทเคนการกำกับดูแล COMP เพื่อดึงดูดผู้ใช้ นอกจากนี้ แพลตฟอร์มยังคงจัดการ Total Value Locked มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อให้มั่นใจว่ามีสภาพคล่องเพียงพอเพื่ออำนวยความสะดวกในการให้สินเชื่อแก่ผู้ที่ ต้องการเงินทุนอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม โปรโตคอลนี้ได้สูญเสียตำแหน่งที่โดดเด่นให้กับโปรโตคอลที่ใหม่กว่าเช่น Aave ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

แพลตฟอร์ม Aave  เดิมคือ ETHland  มีมูลค่ารวมสูงสุดที่ถูกล็อกบน Ethereum ในหมวดการให้ยืม DeFi มีความหลากหลายของสินทรัพย์ที่ใหญ่กว่ามากและมีความต้องการหลักประกันที่ต่ำกว่า MakerDAO นอกจากนี้ Aave ยังเป็นหนึ่งในโปรโตคอลแรก เพื่อแนะนำ “สินเชื่อแฟลช ( flash loans )” มึคุณสมบัติในการยืมและชำระคืนเกิดขึ้นภายในธุรกรรมเครือข่าย Ethereum เดียวกัน

MakerDAO เป็นโซลูชันแบบกระจายศูนย์เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้ยืมและการยืม ซึ่งสนับสนุน Ether เพื่อขยายสินเชื่อในรูปแบบของ DAI ซึ่งเป็นเหรียญ stablecoin ดั้งเดิม ของแพลตฟอร์ม DAI เป็นโทเคน ERC20 ที่ตรึงมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐฯMakerDAO มีโทเคนที่สองคือ  MKR เพื่อสนับสนุนความเสถียรของโทเคน DAI และแนะนำการกำกับดูแลสำหรับ Dai Credit System MakerDAO เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มแรก ๆ ที่ออก stablecoin ใหม่ ที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากเงินทุนในบัญชีธนาคาร แต่มีการสนับสนุนการคงมูลค่าผ่านชุดของอัลกอริธึม

Liquidy

ในขณะที่ Liquity เป็นโปรโตคอลของการยืมแบบกระจายอำนาจ มันเปิดตัวเงินกู้ดอกเบี้ย 0% เทียบกับ Ethereum ที่ใช้เป็นหลักประกัน เงินที่ยืมมาทั้งหมดจะออกเป็น LUSD เป็นเหรียญ stablecoin ที่ตรึงมูลค่ากับ USD แต่มีอัตราส่วนหลักประกัน 110% อัตราส่วนนั้นต่ำกว่ามาก Compound, MakerDAO หรือ Aave ซึ่งอัตราหลักประกันสูงถึง 300% ไม่ใช่เรื่องแปลก

นอกจากนี้ Liquity ยังได้แนะนำแนวคิดของ Stability Pool เพื่อค้ำประกันเงินกู้คงค้างทั้งหมด Stability Pool ประกอบด้วย LUSD และผู้ถือครอง Stablecoin สามารถมีส่วนร่วมได้ Pool เป็นแหล่งสภาพคล่องในการชำระหนี้จากเงินกู้ที่ชำระบัญชีแล้ว ผู้ใช้ที่ฝาก LUSD ไปที่ Stability Pool ทำกำไรจากการชำระบัญชีและรับโทเคน LQTY เป็น “รางวัลพิเศษ”

Hubble

แนวทางของ Liquity ทำให้ผู้ใช้มีทางเลือกพิเศษ ในการสร้างรายได้เมื่อยืม LUSD Stablecoin อย่างไรก็ตาม โปรโตคอลอย่าง Hubble ได้พัฒนาโอกาสในการสร้างรายได้เพื่อดึงดูดสภาพคล่องในการกู้ยืม หลักประกันใด ๆ ที่ผู้ใช้มอบให้ จะได้รับผลตอบแทนเมื่อถูกล็อกไว้ในโปรโตคอลของ Hubble โครงการทำงานบน Solana และรองรับ ETH, BTC และสินทรัพย์อื่น ๆ เป็นหลักประกันซึ่งทั้งหมดจะได้รับผลตอบแทนด้วยวิธีการต่าง ๆ

นอกจากนี้ โปรโตคอล Hubble ยังรวมกลไก Stability Pool ไว้ด้วย ผู้ใช้สามารถใช้ USDH Stablecoin เพื่อจัดหาสภาพคล่องให้กับกลุ่ม เพื่อให้แพลตฟอร์มมีความมั่นคง และมั่นใจได้ว่า ผู้ใช้สามารถชำระคืนเงินกู้ทั้งหมดได้ ผู้ใช้ที่สำรวจตัวเลือกนี้จะได้รับความแตกต่างประมาณ 10% จากบัญชีที่ถูกชำระบัญชี นอกจากนี้ พวกเขาจะได้รับรางวัล HBB ในอัตราคงที่ โทเคน HBB นั้นสามารถนำมา stake บน Hubble เพื่อรับรางวัลโปรโตคอลและโหวตข้อเสนอโปรโตคอล

ตัวเลือกในการรับผลตอบแทนจากหลักประกัน รายได้แฝงจาก USDH ผ่าน Stability Pool หรือโปรโตคอล DeFi อื่น ๆ และรับโทเคน HBB ที่เดิมพันได้จาก Stability Pool จะสร้างกระแสรายได้หลายทาง นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถเข้าถึงทุกอย่างภายในอินเทอร์เฟซเดียวกัน สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการตั้งค่าทุกอย่าง และปล่อยให้รายได้หลั่งไหลเข้ามาเมื่อเวลาผ่านไป

ที่มา : blockonomi.com