ในอนาคต NSDL ของอินเดียและฝ่ายคณะกรรมการหลักทรัพย์จะต้อนรับหน่วยงานอื่น ๆ เข้าร่วมเครือข่ายแบบกระจายอำนาจ ที่เริ่มใช้การทำงานของ Blockchain เพื่อเข้ามาช่วยดำเนินการเกี่ยวกับการเงินต่าง ๆ ให้ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อง่ายในการติดตามและตรวจสอบพันธบัตรในประเทศ

NSDL อินเดีย เปิดตัวระบบตรวจสอบพันธบัตรบน Blockchain

ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งชาติ ( NSDL ) ซึ่งเป็นศูนย์รับฝากหลักทรัพย์กลางของอินเดียในเมืองมุมไบ ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มการรักษาความปลอดภัยและการตรวจสอบพันธสัญญาบนระบบ Blockchain

NSDL ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มเทคโนโลยีบัญชีแยกประเภท ( DLT ) อย่างเป็นทางการในวันที่ 7 พ.ค. 2022 ระหว่างการนำเสนอครบรอบ 25 ปี ควบคู่ไปกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งอินเดีย ( SEBI ) โดยที่แพลตฟอร์มดังกล่าวคาดว่าจะเสริมความแข็งแกร่งในการเฝ้าติดตามความปลอดภัยและการกำกับดูแลในตลาดตราสารหนี้ของบริษัท เพื่อนำ “วินัยและความโปร่งใสมาสู่ตลาด”

การตรวจสอบที่ต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้

Madhabi Puri Buch ประธานของ SEBI เน้นย้ำความโปร่งใสของบล็อกเชนว่าเป็นเหตุผลหลักสำหรับความนิยมของเทคโนโลยี แต่ได้ทำการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับความคุ้มค่าในการใช้งานในปัจจุบัน โดยสังเกตว่าฟีเจอร์การไม่เปิดเผยตัวตนยังคงไม่เป็นที่พอใจอย่างมากจากทางการอินเดีย

“นี่เป็นตัวสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างบัญชีส่วนตัว ( DLT ) และสิ่งที่เรามักเรียกว่าสกุลเงินดิจิทัลของ Central Bank ซึ่งไม่ได้คาดคิดว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกนำมาใช้เมื่อเราไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน”

เครือข่ายจะได้รับการดูแลโดยสองหน่วยงานก็คือ NSDL และ Central Depository Services Ltd. ( CDSL ) ซึ่งเป็นแผนก SEBA จะควบคุม และทำหน้าที่ติดตามที่ Buch ระบุไว้ รวมถึงหน่วยงานอื่น ๆ จะมีโอกาสเข้าร่วมเครือข่ายและสร้างระบบการทำงานใน Blockchain ได้ในอนาคต ถ้าหากแผนการในตอนนี้เป็นไปได้ด้วยดี

การผลักดันให้เกิดขึ้นจริงของ NSDL

NSDL ซึ่งเป็นศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ที่เก่าแก่ที่สุดของอินเดีย ควบคุม 89% ของตลาดหลักทรัพย์ของประเทศ ตอนนี้ โดยที่ข้อมูลจำนวนทั้งหมดที่เคยจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูล นั้นจะถูกนำไปแปลงพร้อมกับรหัสข้อมูลเพื่อนำเข้าสู่ระบบ Blockchain และเพิ่มไปยังบัญชีแยกประเภท

เมื่อวันที่ 28 เมษายน กระทรวงอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศของอินเดียได้ออกคำสั่งกำหนดให้มีการแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี ระหว่างผู้ให้บริการเครือข่ายส่วนตัวเสมือน ( VPN ) และศูนย์ข้อมูล เพื่อจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้ที่หลากหลายเป็นเวลาสูงสุดห้าปี ในเวลาเดียวกัน ปริมาณการซื้อขายในการแลกเปลี่ยน คริปโตเคอเรนซี ชั้นนำของอินเดียได้ลดลง 70% ภายหลังกฎภาษี คริปโตเคอเรนซี 30% ใหม่ที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายน

เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของประเทศที่ได้มีการนำเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อการควบคุมทางการเงินในประเทศ ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ยาก จึงทำให้มีความน่าเชื่อถือสูงอย่างมาก เมื่อนำมาเป็นตัวที่ใช้ตรวจสอบต่าง ๆ ถ้าหากโปรเจกต์แรกของ อินเดีย นั้นเกิดขึ้นได้อย่างดี ต่อไปในอนาคนก็จะมีอีกหลายโปรเจกต์ที่ปรับมาทำงานบนระบบ Blockchain มากขึ้น และเป็นการสร้างนักพัฒนาโปรแกรมของอินเดียให้เข้าสู่แรงงานนักพัฒนา Blockchain มากขึ้นตามความต้องการของตลาดแรงงานโลกที่ขาดแคลนอย่างมากในเวลานี้