เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาธนาคารกลางรัสเซียได้ออกข้อเสนอห้ามใช้และขุด คริปโตเคอเรนซี ในดินแดนรัสเซีย พร้อมทั้งให้เหตุผลว่า คริปโตเคอเรนซี เป็นภัยคุกคามต่อเสถียรภาพทางการเงินของรัสเซีย ซึ่งทางรัสเซียเองได้ถกเถียงเกี่ยวกับประเด็นของ คริปโตเคอเรนซี มาแล้วหลายครั้ง ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยแจ้งว่าเหรียญคริปโตสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงินและการฉ้อโกงได้ และ คริปโตเคอเรนซี มีความผันผวนสูง ซึ่งอาจทำให้ระบบการเงินเสียดุลได้
คริปโตเคอเรนซี คุกคามเสถียรภาพทางการเงิน
ธนาคารกลางรัสเซียออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ความต้องการเก็งกำไรของสินทรัพย์ ดิจิทัล ทำให้ตลาด คริปโตเคอเรนซี เติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะฟองสบู่สูงและคุกคามเสถียรภาพทางการเงิน ทางธนาคารกลางรัสเซียจึงได้เสนอวิธีการป้องกันไม่ให้สถาบันทางการเงินทำธุรกรรมใด ๆ ก็ตาม ที่เกี่ยวข้องกับ คริปโตเคอเรนซี การขุดเหรียญคริปโตในรัสเซียนั้น ธนาคารกลางรัสเซียมองว่าเป็นการสร้างปัญหาด้านพลังงาน เพราะการขุด บิทคอยน์ และสกุลเงิน ดิจิทัล อื่น ๆ ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก การห้ามขุด คริปโตเคอเรนซี ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดธนาคารกลางกล่าว
วิกฤตการณ์ ตลาด คริปโตเคอเรนซี ร่วงหนักเกี่ยวกับ รัสเซียหรือไม่
นักวิเคราะห์หลาย ๆ คนมองการออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ คริปโตเคอเรนซี ของรัสเซียครั้งล่าสุดนี้ น่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาด คริปโตเคอเรนซี ในระยะยาว สก็อตต์ ฟรีแมน ผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วน JST Capital กล่าวว่า การที่ประเทศรัสเซียแบนการขุดเหรียญคริปโตจะไม่กระทบต่อตลาด เพราะมีนักขุดจากประเทศจีนได้ปรับตัวและเติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้มาร์คัส โซติริอู นักวิเคราะห์จาก GlobalBlock ยังกล่าวอีกว่า การที่รัสเซียได้สั่งแบน คริปโตเคอเรนซี นั้นจะส่งผลกระทบต่อตลาด คริปโตเคอเรนซี เป็นอย่างมาก แต่จะไม่ใช่เรื่องใหญ่ในระยะยาว
เหตุการณ์หลังจากธนาคารกลางรัสเซียประกาศแบน คริปโตเคอเรนซี
การออกมาเคลื่อนไหวของรัสเซียส่งผลให้สกุลเงิน ดิจิทัล ร่วงลงอย่างรวดเร็วภายในเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากการประกาศของธนาคารกลางรัสเซีย โดยสกุลเงิน ดิจิทัล สูญเสียมูลค่าไปประมาณ 147,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ณ ขณะนี้ บิทคอยน์ สกุลเงิน ดิจิทัล ที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่ง ร่วงลงต่ำสุดในรอบ 6 เดือน แตะที่ระดับ 35,000 เหรียญสหรัฐฯ เป็นที่เรียบร้อย และตามมาด้วยสกุลเงิน ETH สกุลเงิน ดิจิทัล อันดับสองร่วงแตะระดับ 2,400 เหรียญสหรัฐฯ และเหรียญอื่น ๆ ก็ร่วงตามลงมาติด ๆ อย่างต่อเนื่อง
ประเทศรัสเซียเป็น 1 ใน 3 ประเทศชั้นนำที่มีการขุดเหมือง คริปโตเคอเรนซี มากที่สุดในโลก และยังมีปริมาณการซื้อขายคริปโตมากถึง 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปีอีกด้วย จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดคริปโต แต่เมื่อวิเคราะห์จากช่วงที่จีนประกาศแบนเหรียญคริปโตในปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าใช้เวลาเพียงไม่นานเหรียญสกุลเงิน ดิจิทัล ก็สามารถกลับขึ้นมาในแนวบวกได้