วันที่ 26 ม.ค.2565 ราคาหุ้นบริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG ณ เวลา 12:26 น. อยู่ที่ 2.30 บาท ลบไป 0.28 บาท หรือลดลงไป 10.85% โดยทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 2.58 บาท และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 2.28 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 418.47 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลประกาศห้ามใช้ คริปโตเคอเรนซี ซื้อสินค้ากระทบตรง “ICO portal” เพราะทำให้การออกโทเคนในตลาด คริปโตเคอเรนซี มีอุปสรรค และมีผลกระทบโดยตรงกับบริษัทจดทะเบียนที่จะรับชำระค่าบริการด้วยเหรียญ คริปโตเคอเรนซี
แถลงการณ์จาก ก.ล.ต. และ ธปท. เรื่อง คริปโตเคอเรนซี XPG
บล.เอเชียพลัส ได้กล่าวว่า การที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต. ) และธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท. ) ได้แถลงการณ์เกี่ยวกับการใช้สินทรัพย์ดิจิทัล ( Digital Asset ) เช่น บิทคอยน์ , อิเธอเรียม ฯลฯ เป็นสื่อกลางในการชำระสินค้าและบริการ หลังจากได้มีการหารือร่วมกับกระทรวงการคลังถึงประโยชน์และความเสี่ยงของสินทรัพย์ดิจิทัล และลงความเห็นว่าความจำเป็นต้องกำกับดูแลและควบคุมในการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ เพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด รวมไปจนถึงมีความเสี่ยงน้อยที่สุด
XPG หลักทรัพย์ที่มีผลกระทบ หากใช้เหรียญ คริปโตเคอเรนซี ในการซื้อสินค้า
ก.ล.ต. จะเปิด Public hearing จนถึง 8 ก.พ.2565 เพื่อให้ได้กฎเกณฑ์ที่ครอบคลุมมากที่สุด และจะออกประกาศ พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัลในเร็ว ๆ นี้ และหลังประกาศใช้จะให้เวลาผู้ประกอบการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงภายใน 15 วัน และหากพบยังมีการใช้แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการจะมีลงโทษตามกฎหมายนั่นเอง ASP มองว่าตลาดเริ่มทำการตลาด และ ยอมรับให้ใช้สินทรัพย์ดิจิทัล เช่น บิทคอยน์ , อิเธอเรียม ในการซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนในไทยประกอบธุรกิจเกี่ยวข้องกับ ICO portal ซึ่งทำให้มีผลกระทบโดยตรงกับหลักทรัพย์ XPG
ผลกระทบไม่ได้มีแค่กับ XPG เท่านั้น หลักทรัพย์ตัวอื่นก็มีผลกระทบเช่นกัน
มีการประเมินการจากประกาศดังกล่าว จะสร้างผลกระทบ หรือสร้าง Sentiment ลบต่อ บริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจประเภทที่ 1 คือ ICO portal หรือหลักทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ที่นอกเหนือจาก XPG นั่นก็คือ KBANK, SCB, CGH เป็นต้น และเกิดผลกระทบโดยตรงกับบริษัทจดทะเบียนที่รับชำระค่าสินค้าบริการด้วยเหรียญ คริปโตเคอเรนซี เช่น กลุ่มอสังหาฯ เช่น SIRI, ANAN, ORI, MJD และกลุ่มสื่อ เช่น MAJOR นั่นเอง
การรับชำระค่าสินค้าบริการด้วยเหรียญ คริปโตเคอเรนซี นั้น จะไม่กระทบกับกำไรของบริษัทจดทะเบียนเหล่านี้ เพราะจะมีผู้บริโภคเป็นส่วนน้อยเท่านั้นที่ใช้เหรียญ คริปโตเคอเรนซี ในการซื้อขายสินค้าและบริการ ส่วนบริษัทที่ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น การลงทุนใน คริปโตเคอเรนซี และการขุดเหรียญ บิทคอยน์ จะได้รับผลกระทบนั่นเอง