ZYcrypto ได้เปิดบทวิเคราะห์ ซึ่งชี้ให้เห็นปัจจัยขับเคลื่อนดีมานด์ Bitcoin จากวิกฤตการรบของ ‘รัสเซีย-ยูเครน’ ซึ่ง Bitcoin ได้ถูกนำมาใช้งานจากทั้งสองขั้ว ซึ่งในขณะนี้การสู้รบระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน กำลังรุนแรงขึ้นอย่างเรื่อย ๆ ซึ่งก็ทำให้เกิดเป็นคำถามต่อนักลงทุนทั่วทั้งโลกว่าต่อจากนี้นั้นทิศทางของเหรียญ Bitcoin และ ตลาด คริปโตเคอเรนซี จะเป็นไปในทิศทางใดต่อไป และควรจัดการยังไงกับสินทรัพย์ดิจิทัลต่อไป
Bitcoin สินทรัพย์รับภัยสงคราม
นักวิเคราะห์ต่างมองว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ถือว่าเป็นประโยชน์มากในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ เพราะมันเก็บมูลค่าเช่นเดียวกันกับทองคำนั่นเอง ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยี Blockchain ที่มีจุดเด่นในด้านของการกระจายศูนย์ ( Decentralized ) จึงทำให้ Bitcoin ไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครคนใดคนหนึ่งหรือรัฐใดรัฐหนึ่ง และ Node ของ Bitcoin กว่าหลักหมื่น Node ทั่วพื้นโลกยังทำงานอยู่ พร้อมกับมีอินเทอร์เน็ตดาวเทียมที่ยังทำงานอยู่ Bitcoin ก็จะยังคงมีอยู่ต่อไป
Bitcoin สินทรัพย์ที่จะคงอยู่แม้เกิดวิกฤตการณ์
แม้เกิดวิกฤต COVID-19 ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เห็นว่าในช่วงที่ไวรัสระบาดหนักที่สุด, เศรษฐกิจแย่ที่สุด แต่กลับกลายเป็นยุคทองของ คริปโตเคอเรนซี และทำให้ตลาด คริปโทเคอเรนซี กลายมาเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น และตามมาด้วยบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างพากันตบเท้าเข้ามาสู่เทคโนโลยีใหม่นี้ ซึ่งวิกฤต COVID-19 ก็เหมือนกับวิกฤติการสู้รบของ รัสเซีย-ยูเครน ในปัจจุบัน ที่การทำธุรกรรมผ่านระบบทางการเงินแบบดั้งเดิม ซึ่งถูกจำกัดไว้ด้วยภัยสงคราม แต่การทำธุรกรรมผ่าน Bitcoin ยังคงสามารถทำได้ตามปกตินั่นเอง
ระดมทุน Bitcoin ช่วยกองทัพยูเครน
เมื่อไม่กี่วันมานี้องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรก็ได้เปิดการระดมทุนให้กับกองทัพของยูเครน โดยการเปิดรับการบริจาคผ่าน Bitcoin นั่นเอง แต่ก็กลับได้รับการปฏิเสธที่ว่า ไม่สามารถทำได้นั่นเอง เช่นเดียวกับฝั่งของรัสเซีย ที่อาจจะถูกคว่ำบาตรจากทั่วโลก รวมไปจนถึงการคว่ำบาตรในเรื่องทางเศรษฐกิจและการเงิน ที่ประเทศในยุโรปก็ได้กำลังพยายามผลักดันให้ขับรัสเซียออกจากระบบ ‘SWIFT’ นั่นเอง ด้วยเหตุนี้ทำให้ Bitcoin ได้ถูกใช้งานมากยิ่งขึ้นภายในรัสเซีย ทั้งในภาครัฐเองและภาคประชาชนเลยทีเดียว
ขณะที่ Bitcoin ราคาดิ่งลงสู่จุดต่ำสุดในรอบหนึ่งเดือนที่ 34,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ราคาทองคำกลับพุ่งขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในรอบ 15 เดือนที่ผ่านมา ที่ราคาเหนือ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ และมีแนวโน้มว่าจะพุ่งสูงว่าจนทะลุ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในอีกไม่ช้า ปัจจุบันราคา Bitcoin ก็กลับมาอยู่ที่ระดับ 39,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตลาดหุ้นทั่วโลกก็ต่างพากันดีดตัวขึ้นเช่นกัน