บริษัท Bitmain เป็นบริษัทในประเทศจีนซึ่งก่อตั้งในปี 2013 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Antpool ซึ่งเป็นพูลขุดบิทคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดโดยมีเครื่องรุ่นแรกที่ออกมาคือ Antminer S1 ซึ่งมีผลิตรุ่นต่าง ๆ ออกมาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบันคือ Antminer L3+ ซึ่งปกติเครื่องส่วนใหญ่ของ Animiner มักจะเป็นเครื่องที่เอาไว้ขุดอัลกอริธึม SHA-256 ซึ่งรู้จักกันดีว่าเป็น อัลกอริธึมสำหรับบิทคอยน์ แต่ Antminer L3+ ตัวนี้เป็นอัลกอริธึม Scrypt ซึ่งจะขุดเหรียญทุกเหรียญที่รองรับ algorithm นี้แต่เหรียญที่คนรู้จักกันดีที่สุดคือ Litecoin
สเปกของเครื่องขุด asic l3+ รุ่น Antminer L3+
เครื่องขุด asic l3+ รุ่น Antminer L3+ มีแรงขุดอยู่ที่ 504 Mh/s +/- 5% จากอัลกอริธึม Scrypt การทำเหมืองแร่ bitmain ที่มี Hash Rate อยู่ที่ 504MH/s มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ที่ +/- 5% is expected. สำหรับการใช้พลังงานอยู่ที่ 800W +10% ใช้ไฟ DC Voltage Input 11.60 ~ 13.00V เครื่องขุด asic l3+ รุ่น Antminer L3+ มีชิป 228 ตัวโดยมีบอร์ด 4 ตัว บอร์ดละ 72 ตัวและมีขนาด 352mm ( l ) x 130mm ( w ) x 187.5mm ( h ) เชื่อมต่อโดยสายแลน
การติดตั้งและใช้งานเบื้องต้นของ เครื่องขุด asic l3+ รุ่น Antminer L3+
เครื่องขุด asic l3+ รุ่น Antminer L3+ ต้องต่อเข้ากับหม้อแปลงตัวหนึ่งที่มีกำลัง 1600 watt ที่ต้องสั่งแยกต่างหากแต่หากใครมี Antminer ตัวอื่นอยู่แล้วก็สามารถใช้หม้อแปลงของมันแทนกันได้ สำหรับการติดตั้งเครื่องขุด asic l3+ รุ่น Antminer L3+ ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่เสียบปลั๊กและเสียบสายแลนเท่านั้น หลังจากเสียบปลั๊กแล้วรอให้หม้อแปลงหมุนสักพักและไฟจะจ่ายไปที่ตัวเครื่องซึ่งจะทำให้เครื่องเริ่มทำงาน และสังเกตว่ามีไฟกะพริบที่พอร์ตสายแลนก็แปลว่าเครื่องนี้ต่อกับเน็ตเวิร์กเราแล้ว หลังจากเครื่องรันแล้วสิ่งที่รู้สึกได้ก็คือ มันดังครับถ้าเทียบกับการ์ดจอมันดังมากไม่สามารถนำไว้ในห้องที่มีคนเดินไปมาเหมือน GPU ได้แน่นอนและมันจะมีพัดลมสองตัวซึ่งตัวหนึ่งจะคอยดูดลมเข้าอีกตัวจะเป่าลมออก
เมื่อปล่อยมันทำงานไปซักพักก็พบว่าอุณหภูมิมันค่อนข้างร้อนพอสมควรเลย หลังจากมันรันแล้วก็ให้เราไปเช็คที่เราเตอร์ของเราและหาไอพีที่เชื่อมกับเครื่องของเราและ Access ผ่าน web browser ซึ่งจริง ๆ แล้ว OS ของเครื่องนี้เป็น Linux ซึ่งเราสามารถ ssh หรือ cmd รีโมทเข้าเครื่องไปโดยตรงได้เลยแต่เราจะขอแนะนำวิธีปกติก่อน โดยหน้าหลักของมันจะแสดงถึงสเปกของเครื่องเวอร์ชันต่าง ๆ โดยหน้านี้จะบอกเกี่ยวกับความแรงของการขุดของเราว่าเท่าไหร่ เฉลี่ยเท่าไหร่ ความแรงของพัดลม พูลที่เราเลือกรวมถึงบอกสถานะบอร์ดทั้ง 4 ตัวของเราด้านล่าง ถ้าเราสังเกตมันจะบอกถึงอุณหภูมิรวมถึงจำนวนชิปของบอร์ดด้วยซึ่งคือใบละ 72 ตัวและหากเกิดปัญหาว่าขุดได้ไม่เต็มที่มาสังเกตที่ตรงนี้ว่าชิปทุกตัวยังทำงานดีมั้ยซึ่งจากการทดสอบพบว่ามันขุดได้ค่อนข้างดีและบางครั้งเครื่องอาจจะเหวี่ยงได้ถึง 600 MHs
รายได้ของเครื่องขุด asic l3+ รุ่น Antminer L3+
เครื่องขุด asic l3+ รุ่น Antminer L3+ สามารถทำรายได้ bittrex เป็น BTC และเมื่อเงินถึงจำนวนหนึ่งก็จะโอนมาขายใน BX โดยเฉลี่ยแล้วได้รายได้วันละประมาณ 1400 – 1600 บาทยังไม่หักค่าไฟหากหักแล้วจะเหลือวันละ 1316 – 1516 บาท ข้อดีของเครื่องขุด asic l3+ รุ่น Antminer L3+ กำลังขุดของเครื่องนี้ถือว่าแรงมากได้ผลตอบแทนค่อนข้างดี มีขนาดถือว่าเล็กและกะทัดรัดมาก สำหรับ ROI น่าจะดีที่สุดแล้วในบรรดา Antminer และดีกว่าเครื่องขุดการ์ดจอในราคาปัจจุบัน
ถ้าเทียบผลตอบแทนที่ได้กับเครื่องขุดการ์ดจอนับว่าค่อนข้างสูสีกับ RX 480 ในราคาก่อนของจะขาด และดีกว่า Nvidia ทุกตัว อุณหภูมิที่ตัวชิปถือว่าไม่สูงมาก การดูแลติดตั้งง่ายกว่าการ์ดจอมาก รวมถึงไม่ต้องกังวลเรื่องว่าการ์ดจอจะแฟลชได้มั้ยวิ่งได้ถึงที่คาดหรือเปล่า กินไฟต่ำกว่าการ์ดจอและนิ่งกว่าการ์ดจอมากหากไฟดับก็แค่เสียบปลั๊กไม่ต้องเปิดโปรแกรมตั้งค่าอะไรใหม่
ส่วนข้อเสียของเครื่องขุด asic l3+ รุ่น Antminer L3+ มีราคาสูงกว่าริกแบบการ์ดจอแน่นอน สามารถขุดได้แค่อัลกอริธึมเดียวเท่านั้นแม้จะขุดได้หลายเหรียญแต่ก็หลากหลายไม่เท่าการ์ดจอ เครื่องขุด asic l3+ รุ่น Antminer L3+ หายากมากถ้าเทียบกับการ์ดจอ เสียงดังมากถึงแม้เสียงจะดังไม่เท่ารุ่นก่อน ๆ แต่ก็ยังดังหากตั้งไว้นอกบ้านอาจจะเป็นปัญหากับเพื่อนบ้าน ต้องการพื้นที่โล่งมากกว่าการ์ดจอเนื่องจากปัญหาด้านระบายอากาศ ลมที่เป่าออกมาร้อนพอสมควร หากขุดไม่คุ้มแล้วไม่สามารถขายต่อได้เหมือนการ์ดจอ หากเครื่องเป็นอะไรไปต้องส่งเครื่องเคลมที่ต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม เครื่องขุด asic l3+ รุ่น Antminer L3+ เป็นเครื่องขุด ASIC ที่ได้ค่าตอบแทนที่ดีที่สุดและถ้าเทียบค่าตอบแทนกับราคาการ์ดจอตอนนี้ถือว่าดีกว่าพอสมควร รวมถึงสามารถขุดด้วย Scrypt ซึ่งการ์ดจอไม่สามารถขุดได้ แม้จะมีข้อเสียเรื่องเสียงและความร้อนแต่หากจัดการกับปัญหาสองอย่างนี้ได้มันจะทำงานได้ดีทีเดียว เหมาะสำหรับใครที่มีทุนพอหรือใครก็ตามที่อยากลองกระจายความเสี่ยง