ตลาด crypto ได้เผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และตอนนี้ยังคงอยู่ในช่วง ตลาดหมี นี่อาจเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากสำหรับนักลงทุน crypto รายใหม่และผู้ที่มีความต้องการที่จะลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล แต่มี “พิมพ์เขียว crypto” ที่นักลงทุนสามารถปฏิบัติตามเพื่อทำให้สิ่งต่าง ๆ ง่ายขึ้นเล็กน้อย
ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์เพื่อป้องกันการ Rug - Pull
แม้กระทั่งก่อนที่จะลงทุนด้วยเงินของตัวเอง สิ่งสำคัญคือต้องรับทราบข้อเท็จจริงที่ว่าแทบไม่มีการป้องกันสำหรับนักลงทุนคริปโตเลย สิ่งหนึ่งที่ต้องระวังคือสิ่งที่เรียกว่าปั๊มแล้วทิ้ง ซึ่งนักต้มตุ๋นจะโน้มน้าวนักลงทุนด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนให้ผู้คนซื้อโทเคน ทำให้มูลค่าของโทเคนเพิ่มขึ้น จากนั้นนักต้มตุ๋นก็จะเทขายโทเคนทิ้งทั้งหมด ทำให้ราคาของโทเคนที่มีเหลืออยู่ในตลาดตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เรียกกันว่า “Rug – Pull” ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนควรระวังเป็นอย่างมาก เกี่ยวกับสินทรัพย์ใด ๆ ก็ตามที่ต้องการลงทุน ควรจะศึกษาเกี่ยวกับด้าน Tokenomic และการทำงานเบื้องหลังให้มากที่สุด เพื่อที่ป้องกันเหตุการณ์แบบนี้
เลือกลงทุนกับแพลตฟอร์มที่เชื่อใจได้
หากนักลงทุนตัดสินใจที่จะลงทุนใน crypto มันอาจจะง่ายกว่าถ้าใช้แพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนที่เป็นที่นิยมมากกว่า เช่น CoinBase, Binance หรือ FTX เมื่อบัญชีพร้อมใช้งานแล้ว ก็สามารถโอนเงินเข้าบัญชีจากธนาคารของผู้ใช้ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องไปนั่งกังวลกับ แพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนที่ไม่ได้รับความนิยม และอาจทำการ ลิสต์สินทรัพย์ดิจิทัลใด ๆ ที่ไม่ได้ทำการตรวจสอบหรือไม่มีมาตรฐานในการตรวจสอบมากนัก การเลือกที่จะลงทุนในแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนที่เป็นที่นิยมจึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยมากกว่า
เลือกลงทุนให้หลากหลายเพื่อกระจายความเสี่ยง
เมื่อพูดถึงเปอร์เซ็นต์ของพอร์ตโฟลิโอที่ควรประกอบด้วย crypto เป็นเรื่องยากมากที่จะบอกได้ ว่าควรจะลงทุนกับโทเคนไหน สกุลเงินดิจิทัลไหน ด้วยปริมาณเท่าไหร่ และเป็นเปอร์เซ็นต์เท่าไหร่ เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะระบุสิ่งนี้ สิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำคือรักษาระดับความเสี่ยง และกระจายความเสี่ยงและยังสินทรัพย์ที่มีความแตกต่างกัน
คำนึงถึงภาษีที่ต้องจ่าย
ปัจจัยสำคัญอีกประการที่ต้องคำนึงถึงคือผู้ใช้ต้องจ่ายภาษีสำหรับ crypto ของตน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไม่ต้องรายงานเกี่ยวกับธุรกรรมใด ๆ ที่ทำด้วย crypto ในขั้นตอนเกี่ยวกับการคืนภาษีของนักลงทุน หากพวกเขาไม่ได้ขายหรือแลกเปลี่ยนเป็น crypto ประเภทอื่นที่มีอยู่ในบัญชี หรืออย่างเช่นหากมูลค่าของ portfolio ที่ถือครอง crypto ประเภทต่าง ๆ มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรายงาน ให้กรมสรรพากรต้องรับทราบ หากไม่ได้ทำการขายหรือแลกเปลี่ยนใด ๆ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้ทำการขายหรือแลกเปลี่ยน แล้วเกิดผลกำไรเกิดขึ้น ผลกำไรเหล่านั้นจำเป็นจะต้องทำการจดบันทึกไว้ เพื่อที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถทำเกี่ยวกับขั้นตอนการคืนภาษีได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้เป็นขั้นตอนที่อ้างอิงมาจากประกาศกฎหมายเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มฉบับล่าสุด ( 25 พ.ค. 2565 )
และนี่คือทั้งหมดที่นักลงทุนควรจะต้องทำ และต้องระวังให้มากขึ้นในช่วง ตลาดหมี เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่จะขาดทุน จากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และตลาด crypto “พิมพ์เขียว Crypto” สามารถนำไปใช้ได้ในทุกกรณีการลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล