มี การหลอกลวง cryptocurrency หลายอย่างในพื้นที่ blockchain สิ่งที่พบได้บ่อยที่สุด ได้แก่ blackmail การแลกเปลี่ยนปลอม การแจกของรางวัลปลอม ฟิชชิ่งโซเชียลมีเดีย copy-and-paste malware อีเมลฟิชชิ่ง แชร์ลูกโซ่ ( Ponzi and pyramid schemes ) และ ransomware
มาพูดคุยกันสั้น ๆ เกี่ยวกับแต่ละรายการ เพื่อให้คุณสามารถเรียนรู้วิธีหลีกเลี่ยง การหลอกลวง Bitcoin ที่พบบ่อยที่สุด และรักษาการถือครองสกุลเงินดิจิทัลของคุณให้ปลอดภัย
บทนำ
ตราบใดที่มีการนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาในโลก ผู้หลอกลวงจะยังคงค้นหาแหล่งที่จะเติบโตต่อไป น่าเสียดายที่ Bitcoin เปิดโอกาสให้นักต้มตุ๋นเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นโอกาสที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ไร้พรมแดน
ลักษณะการกระจายอำนาจของ Bitcoin ช่วยให้คุณควบคุมการลงทุนของคุณได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ยังทำให้ยากต่อการกำหนดกรอบการกำกับดูแล และการบังคับใช้กฎหมายที่เหมาะสม หากนักต้มตุ๋นหลอกให้คุณทำผิดพลาดในขณะที่ใช้ Bitcoin พวกเขาอาจจะขโมย BTC ของคุณ และแทบไม่มีอะไรที่คุณสามารถทำได้ เพื่อกู้คืน crypto ของคุณ
ที่กล่าวว่าสิ่งสำคัญคือ ต้องเข้าใจว่านักต้มตุ๋นทำงานอย่างไร และเรียนรู้วิธีระบุ สัญญาณอันตราย ( ธงสีแดง ) ที่อาจเกิดขึ้น มี การหลอกลวง Bitcoin มากมายให้ระวัง แต่บางอันก็พบได้บ่อยกว่าแบบอื่น ๆ ด้วยเหตุผลดังกล่าว เราจะมาดู การหลอกลวง Bitcoin ทั่วไปแปดแบบและวิธีที่คุณสามารถหลีกเลี่ยงได้
การหลอกลวง Bitcoin ทั่วไป ( และวิธีหลีกเลี่ยง! )
Blackmail
Blackmail เป็นวิธีการที่รู้จักกันดี โดยนักต้มตุ๋นเพื่อข่มขู่ผู้อื่น ด้วยการเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เว้นแต่จะได้รับเงินคืน การชำระเงินคืนนี้ มักจะมาในรูปแบบของสกุลเงินดิจิทัล โดยเฉพาะ Bitcoin
Blackmail ทำงานโดยมิจฉาชีพ ในการค้นหาหรือกุเรื่องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับคุณ และใช้ประโยชน์จากข้อมูลนั้น เพื่อบังคับให้คุณอยู่ในสถานะ ที่จะส่งบิตคอยน์หรือเงินรูปแบบอื่น ๆ ให้พวกเขา
วิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงการสแกมเมอร์ Blackmail คุณจาก bitcoins ของคุณคือ ระมัดระวังในการเลือก การล็อกอินเข้าสู่ระบบของคุณ เว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชมทางออนไลน์ และการที่คุณให้ข้อมูลของคุณกับใคร ควรใช้ 2FA ( การพิสูจน์ตัวตนแบบสองปัจจัย ) ทุกครั้งที่ทำได้ หากข้อมูลที่พวกเขา Blackmail คุณเป็นเท็จและคุณรู้ คุณอาจจะปลอดภัย
กระดานแลกเปลี่ยนปลอม
ตามชื่อที่แนะนำ กระดานแลกเปลี่ยนปลอมเป็นสำเนาที่ฉ้อโกงของกระดานแลกเปลี่ยน crypto ที่ถูกกฎหมาย โดยทั่วไปแล้ว กลโกงเหล่านี้จะแสดงเป็นแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ แต่คุณอาจพบว่าเป็น แอปพลิเคชันเดสก์ท็อปหรือเว็บไซต์ปลอม คุณต้องระวังเพราะกระดานแลกเปลี่ยนปลอมบางอย่างนั้น คล้ายกับกระดานแลกเปลี่ยนของจริงมาก พวกเขาอาจดูเหมือนเว็บถูกกฎหมายในแวบแรก แต่เป้าหมายของพวกเขาคือการขโมยเงินของคุณ
โดยปกติ กระดานแลกเปลี่ยนปลอมเหล่านี้ จะดึงดูดผู้ค้าและนักลงทุน crypto โดยเสนอ cryptocurrencies ฟรี ราคาที่ค่อนข้างดี ค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนต่ำ และแม้กระทั่งของขวัญ
เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกหลอกลวงในกระดานแลกเปลี่ยนปลอม คุณควรทำการบุ๊กมาร์ก URL จริง และตรวจสอบอีกครั้งก่อนเข้าสู่ระบบ คุณยังสามารถใช้ Binance Verify เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของ URLs, กลุ่มโทรเลข, บัญชี Twitter และอื่น ๆ
เมื่อพูดถึงแอพมือถือ ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ได้ตรวจสอบข้อมูลนักพัฒนา จำนวนการดาวน์โหลด บทวิจารณ์ และความคิดเห็น
แจกของปลอม
การแจกของรางวัลปลอม ใช้เพื่อหลอกลวงคุณให้ออกจากสกุลเงินดิจิทัลของคุณ โดยเสนอบางสิ่งฟรี เพื่อแลกกับการฝากเงินเพียงเล็กน้อย โดยทั่วไปแล้ว นักต้มตุ๋นจะขอให้คุณส่งเงินไปยังที่อยู่ bitcoin ก่อน เพื่อให้คุณสามารถรับ bitcoins กลับมาได้มากขึ้น ( เช่น “ส่ง 0.1 BTC เพื่อรับ 0.5 BTC” ) แต่ถ้าคุณทำธุรกรรม bitcoin เหล่านี้ คุณจะไม่ได้รับอะไรเลย และจะไม่เห็นเงินของคุณอีก
มีกลโกงของแจกของปลอม มากมายหลายรูปแบบ แทนที่จะเป็น BTC การหลอกลวง บางอย่างจะขอ cryptocurrencies อื่น ๆ เช่น ETH, BNB, XRP และอีกมากมาย ในบางกรณี พวกเขาอาจขอคีย์ส่วนตัวของคุณ หรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอื่น ๆ
ของแจกปลอมมักพบใน Twitter และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ที่นักต้มตุ๋นสามารถติดตามทวิตยอดนิยม ข่าวไวรัส หรือประกาศต่าง ๆ ( เช่น การอัปเกรดโปรโตคอลหรือ ICO ที่กำลังจะมีขึ้น )
วิธีที่ดีที่สุด ในการหลีกเลี่ยงกลโกงของแจกของปลอมคือ อย่าเข้าร่วมในการแจกของรางวัลใด ๆ ที่คุณต้องส่งของมีค่าก่อน การแจกของรางวัลที่ถูกต้องจะไม่ขอเงิน
Phishing ( ฟิชชิ่ง ) บนโซเชียลมีเดีย
Phishing บนโซเชียลมีเดีย เป็นการหลอกลวง Bitcoin ทั่วไป ที่คุณมักจะพบบนโซเชียลมีเดีย เช่นเดียวกับการแจกของรางวัลปลอม นักต้มตุ๋นจะสร้างบัญชีที่ดูเหมือนเป็นผู้มีอำนาจในระดับสูงของ crypto ( เรียกอีกอย่างว่าการแอบอ้างบุคคลอื่น ) ต่อไปพวกเขาจะเสนอแจกของรางวัลปลอม ผ่านทวิตหรือข้อความแชทโดยตรง
วิธีที่ดีที่สุด ในการหลีกเลี่ยงการถูกหลอกลวง ผ่านฟิชชิ่งโซเชียลมีเดียคือ การตรวจสอบอีกครั้งว่า บุคคลนั้นเป็นใครจริง ๆ แล้วพวกเขาพูดว่าเป็นใคร โดยปกติจะมีตัวบ่งชี้นี้บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียบางประเภท เช่น เครื่องหมายถูกสีน้ำเงินบน Twitter และ Facebook
Copy-and-paste มัลแวร์
มัลแวร์แบบ copy-and-paste เป็นวิธีที่หลอกลวงมากสำหรับผู้หลอกลวง เพื่อขโมยเงินของคุณ มัลแวร์ประเภทนี้ขโมยข้อมูลบนคลิปบอร์ดของคุณ และถ้าคุณไม่ระวัง คุณจะส่งเงินไปยังผู้หลอกลวงโดยตรง
สมมติว่าคุณต้องการส่งการชำระเงินด้วย BTC ไปให้ Bob เพื่อนของคุณ ตามปกติแล้ว เขาจะส่งที่อยู่ bitcoin ให้คุณ เพื่อให้คุณสามารถคัดลอกและวางลงในกระเป๋าเงิน bitcoin ของคุณ อย่างไรก็ตาม หากอุปกรณ์ของคุณติดมัลแวร์แบบ copy-and-paste ที่อยู่ของผู้หลอกลวงจะแทนที่ ที่อยู่ของ Bob โดยอัตโนมัติเมื่อคุณวางที่อยู่นั้น ซึ่งหมายความว่าทันทีที่มีการส่งและยืนยันธุรกรรม bitcoin ของคุณ การชำระเงิน BTC ของคุณจะอยู่ในมือของนักต้มตุ๋น และ Bob จะไม่ได้รับอะไรเลย
เพื่อหลีกเลี่ยงการหลอกลวงประเภทนี้ คุณต้องระวังให้มากกับความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ของคุณ ระวังข้อความหรืออีเมลที่น่าสงสัยที่อาจมีไฟล์แนบที่ติดไวรัสหรือลิงก์ที่เป็นอันตราย ให้ความสนใจกับเว็บไซต์ที่คุณเรียกดู และซอฟต์แวร์ที่คุณติดตั้งบนอุปกรณ์ของคุณ คุณควรพิจารณาติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส และสแกนหาภัยคุกคามเป็นประจำ สิ่งสำคัญคือต้องทำให้ระบบปฏิบัติการ ( OS ) ของอุปกรณ์ของคุณทันสมัยอยู่เสมอ
อีเมล phishing ( ฟิชชิ่ง )
Phishing มีหลายประเภท หนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยที่สุด คือการใช้อีเมลฟิชชิ่งที่พยายามหลอกล่อให้คุณ ดาวน์โหลดไฟล์ที่ติดไวรัสหรือคลิกลิงก์ ที่นำคุณไปยังเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย ซึ่งดูเหมือนว่าจะถูกต้องตามกฎหมาย อีเมลเหล่านี้เป็นอันตรายอย่างยิ่งเมื่อเลียนแบบผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คุณใช้บ่อย
โดยปกติ นักต้มตุ๋นจะมีข้อความขอให้คุณดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อรักษาความปลอดภัยของบัญชีหรือเงินทุนของคุณ พวกเขาอาจขอให้คุณอัปเดตข้อมูลบัญชี รีเซตรหัสผ่าน หรืออัปโหลดเอกสาร ในกรณีส่วนใหญ่ เป้าหมายของพวกเขาคือ รวบรวมข้อมูลการเข้าสู่ระบบของคุณเพื่อลองแฮคบัญชีของคุณ
ขั้นตอนแรกในการหลีกเลี่ยงการหลอกลวงอีเมลฟิชชิ่ง คือการตรวจสอบว่าอีเมลนั้นมาจากแหล่งที่มาดั้งเดิมหรือไม่ หากมีข้อสงสัย คุณสามารถติดต่อบริษัทโดยตรง เพื่อยืนยันว่าอีเมลที่คุณได้รับมาจากพวกเขา ประการที่สอง คุณสามารถวางเมาส์เหนือลิงก์อีเมล ( โดยไม่ต้องคลิก ) เพื่อตรวจสอบว่า URL มีการสะกดผิด อักขระผิดปกติ หรือสิ่งผิดปกติอื่น ๆ หรือไม่
แม้ว่าคุณจะไม่พบสัญญาณอันตราย ( ธงสีแดง ) คุณก็ควรหลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ หากคุณต้องการเข้าถึงบัญชีของคุณ คุณควรดำเนินการด้วยวิธีอื่น เช่น พิมพ์ URL ด้วยตนเองหรือใช้บุ๊กมาร์ก
แชร์ลูกโซ่ ( Ponzi and pyramid schemes )
แชร์ลูกโซ่ เป็นการหลอกลวงทางการเงินที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โครงการ Ponzi เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ให้ผลตอบแทน แก่นักลงทุนรายเก่า ด้วยเงินของนักลงทุนรายใหม่ เมื่อมิจฉาชีพไม่สามารถดึงดูดนักลงทุนรายใหม่เข้ามาได้อีกต่อไป เงินก็หยุดไหล OneCoin เป็นตัวอย่างที่ดีของโครงการ crypto Ponzi
Pyramid schemes คือรูปแบบธุรกิจที่จ่ายให้กับสมาชิก ตามจำนวนสมาชิกใหม่ที่พวกเขาลงทะเบียน เมื่อไม่สามารถลงทะเบียนสมาชิกใหม่ได้ กระแสเงินจะหยุดลง
วิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงแผนการเหล่านี้คือ การทำวิจัยเกี่ยวกับ cryptocurrencies ที่คุณซื้อ ไม่ว่าจะเป็น altcoin หรือ Bitcoin หากมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลหรือกองทุน Bitcoin ขึ้นอยู่กับนักลงทุนรายใหม่หรือสมาชิกที่เข้าร่วมอย่างหมดจด คุณอาจพบว่าตัวเองเป็น Ponzi หรือ pyramid schemes
Ransomware
Ransomware เป็นมัลแวร์ประเภทหนึ่งที่ล็อกอุปกรณ์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ของเหยื่อ หรือป้องกันไม่ให้เข้าถึงข้อมูลที่มีค่า เว้นแต่จะมีการจ่ายค่าไถ่ ( ปกติจะเป็น BTC ) การโจมตีเหล่านี้สามารถทำลายล้างโดยเฉพาะ เมื่อมุ่งเป้าไปที่โรงพยาบาล สนามบิน และหน่วยงานของรัฐ
โดยปกติ แรนซัมแวร์จะบล็อกการเข้าถึงไฟล์หรือฐานข้อมูลที่สำคัญ และขู่ว่าจะลบออกหากไม่ได้รับเงินก่อนกำหนด แต่น่าเสียดายที่ไม่มีการรับประกันว่าผู้โจมตีจะปฏิบัติตามสัญญา
มีบางสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อป้องกันตัวเอง จากการโจมตีของแรนซัมแวร์:
- ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสและอัปเดตระบบปฏิบัติการ และแอปพลิเคชันของคุณอยู่เสมอ
- หลีกเลี่ยงการคลิกโฆษณาและลิงก์ที่น่าสงสัย
- ระวังสิ่งที่แนบมากับอีเมล คุณควรระมัดระวังเป็นพิเศษกับไฟล์ที่ลงท้ายด้วย .exe, .vbs หรือ .scr
- สำรองไฟล์ของคุณเป็นประจำ เพื่อให้คุณสามารถกู้คืนได้หากคุณติดไวรัส
สรุป
มี การหลอกลวง Bitcoin มากมายที่ต้องระวัง อย่างไรก็ตาม การรู้ว่ากลโกงเหล่านี้ทำงานอย่างไร เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้โดยสิ้นเชิง หากคุณสามารถหลีกเลี่ยง การหลอกลวง Bitcoin ที่พบบ่อยที่สุดได้ คุณจะสามารถรักษาการถือครอง crypto ของคุณให้ปลอดภัย
ที่มา : academy.binance.com