โลกทุกวันนี้ มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก เริ่มเมื่อมีการพัฒนาของคอมพิวเตอร์ประยุกต์กับเข้ากับอินเทอร์เน็ต แทบทุกอย่างบนโลกเข้าสุ่ยุคดิจิทัล ที่แนวทางสู่ปลายอุโมงค์ที่กำลังถูกขับเคลื่อนอยู่นี้ ไปสู่ยุค Web 3.0 จาก Bitcoin ที่ถูกเปรียบว่าเป็น “ทองดิจิทัล” ไปแล้ว ในขณะเดียวกัน ตอนนี้ เราก็มี “ที่ดินดิจิทัล” เข้ามาสู่โลกแห่งการลงทุนด้วยเหมือนกันแล้ว นับเป็นหนึ่งทางเลือกใหม่ในการลงทุนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

ท่ามกลางกระแส crypto, NFT และ Game-Fi ที่กำลังมาแรง คนดัง ธุรกิจชั้นนำต่าง ๆ ของโลกเข้ามาร่วมขบวนอยู่ในกระแสนี้ด้วย เมื่อยิ่งมีข่าว Mark Zuckerberg ซีอีโอบริษัท Facebook ทำการเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta ให้เป็นนิมิตหมายใหม่ว่า บริษัทจะมุ่งเน้นไปทาง Metaverse โลกเสมือนจริง ก็ยิ่งเป็นการปลุกกระแส ที่ดินดิจิทัล ให้คนทั้งโลกมีการตื่นตัวกับโลกเสมือนมากยิ่งขึ้น

ที่ดินดิจิทัล คืออะไร

ที่ดินดิจิทัล ( Virtual land ) หรือ ที่ดินเสมือนจริง ที่อยู่ในโลกของคอมพิวเตอร์ ถูกสร้างขึ้นมาโดยเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยแรกเริ่มแล้ว เป็นพื้นที่ที่ใช้ใน เกมออนไลน์ ที่เมื่อมีกระแส Game-Fi หรือ play-to-earn มากขึ้น จำนวนเกมเมอร์ ( ผู้เล่นเกม ) ก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ภาคธุรกิจที่มองเห็นช่องโอกาสนี้ ก็เริ่มทำการจับจองพื้นที่ในโลกออนไลน์ผ่านเกมดัง ๆ ทั้งนี้ ก็เพื่อ “ซื้อสายตา” จากเหล่าเกมเมอร์เหล่านี้ จึงทำให้ “ที่ดินดิจิทัล” ภายใน เกมออนไลน์ เกิดมีราคาขึ้นมาทันที

ทั้งนี้ ด้วยปริมาณของที่ดินใน เกมออนไลน์ ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างจำกัดไว้แล้วตั้งแต่แรก ในขณะที่ความต้องการซื้อมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มูลค่าของ ที่ดินดิจิทัล จึงมีมูลค่าสูงขึ้น ตามหลักอุปสงค์อุปทานของตลาด   

ที่ดินดิจิทัล จะใช้ทำอะไรได้บ้าง

การซื้อที่ดินบนโลกดิจิทัล นั้นเป็นเพื่อการลงทุนเท่านั้น ถือเป็นกลยุทธ์ในการช่วงชิงทำเลหรือพื้นที่โฆษณา ในสายตาของเกมเมอร์ ถ้าจะให้เปรียบเทียบ อาจเป็นเหมือนการซื้อโฆษณาป้ายบิลบอร์ดใหญ่ ๆ ที่เราเคยเห็นในชีวิตประจำวัน เพื่อให้คนเป็นจำนวนมากได้เห็นโฆษณานั้น ๆ

และยิ่งไปกว่านั้น เจ้าของ ที่ดินดิจิทัล ยังสามารถทำได้มากกว่านั้น เช่น ให้เช่าเป็นระยะเวลาแล้วแต่การตกลง เก็บค่าผ่านทางแบบที่เมื่อกดคลิกเข้าไป ก็จะนำไปสู่เว็บไซต์ที่ต้องการจะสื่อโฆษณา และอื่น ๆ ทั้งนี้ แล้วแต่ข้อกำหนด และช่องโอกาสทางธุรกิจ ที่จะสามารถทำได้ หรือแม้แต่ทำการซื้อขายเมื่อราคาเป็นที่พอใจและตกลงกันได้

โดย เกมออนไลน์ ที่เป็นที่นิยมกันอย่างมาก ที่เล่นบน ที่ดินดิจิทัล นั้น ได้แก่

Decentraland

ถือเป็น เกมออนไลน์ จำลองโลกเสมือนจริงแบบ Virtual Worlds บนเทคโนโลยีบล็อกเชนของ Ethereum โดยผู้เล่นจะเข้ามากำหนดตัวละครในเกม ออกแบบตัวละคร ทำการแต่งตัวของตัวละครได้เอง และสามารถทำการซื้อ ที่ดินดิจิทัล ในเกมได้ ผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินสามารถทำการสร้างอะไรก็ได้ ตั้งแต่สร้างบ้าน สร้างร้านค้า ติดป้ายโฆษณา เปิดแกลเลอรี ทำการแสดงผลงาน NFT ฯลฯ ขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์ สามารถทำได้ทุกอย่างที่สามารถสร้างรายได้ให้เกิดขึ้น

นอกเหนือไปจากการใช้ประโยชน์ด้าน เกมออนไลน์ แล้ว ทาง ‘Boson Protocol’ เป็นโปรเจกต์ Decentralized Finance ก็ได้มีความพยายามที่จะทำการเชื่อมต่อสินค้าจริง ๆ เข้ากับ Smart Contracts บนบล็อกเชน ได้ทำการซื้อ ที่ดินดิจิทัล บนเกมของ Decentraland ไปแล้ว มีมูลค่ารวมกว่า 7 แสนดอลลาร์ หรือประมาณ 20 ล้านบาท 

Boson มีโครงการที่จะสร้างห้างสรรพสินค้าบน ที่ดินดิจิทัล เพื่อทำการเชื่อมต่อการซื้อขายของลูกค้า บนโลกเสมือนจริงและโลกความเป็นจริง ในรูปแบบของ Metaverse โดยผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน คือไม่ผ่านตัวกลาง สามารถทำการซื้อขายได้โดยตรง ซึ่งก็ต้องรอดูความคืบหน้ากันต่อไป ว่ากระแสการใช้บริการจะได้รับความนิยมได้มากแค่ไหน

ที่ดินดิจิทัล ใน Decentralland ถูกเรียกว่า Parcels และมีจำนวนจำกัดอยู่ที่ 90,000 ผืน ใช้โทเคน MANA

The Sandbox

เป็น เกมออนไลน์ แนวโลกเสมือน ซึ่งรูปแบบเกม มีความคล้ายคลึงกับเกม Minecraft เกมดั้งเดิมที่มีผู้เล่นนิยมกันมาก ผู้เล่นสามารถสร้างทุกอย่างขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะเป็น ตัวละคร ไอเทม สัตว์เลี้ยง ยานพาหนะ และ อื่น ๆ โดยทุกอย่างที่ถูกสร้างขึ้น จะอยู่ในรูปแบบของ NFT จึงสามารถนำไอเทมเหล่านี้ ไปซื้อขายต่อกันได้ หรือแม้แต่การซื้อขาย ที่ดินดิจิทัล ภายในเกม

ที่ดินดิจิทัล ที่ The Sandbox ถูกเรียกว่า Land มีจำนวนจำกัดอยู่ที่ 166,464 ผืน ใช้โทเคน SAND

จากการวิจัย มีการคาดการณ์ว่า ภายในปี 2569 คนทั่วโลกราว 25% จะใช้เวลาใน Metaverse อย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง จึงเป็นแนวโน้มที่การเติบโตของโลกเสมือนจะก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในการขยายการทำธุรกิจดิจิทัลได้มากขึ้น

ดังจะเห็นได้ว่า “ที่ดินดิจิทัล” นับเป็นการลงทุนที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง เพราะเมื่อโลกได้ก้าวเข้าสู่ Metaverse โอกาสทางธุรกิจก็จะยิ่งมากมายอย่างแน่นอน ปัจจุบันสิ่งที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้ อาจจะเกิดขึ้นจริงในอนาคต การใช้ ที่ดินดิจิทัล ในโลกเสมือน จัดกิจกรรม นำเสนอผลงานต่าง ๆ ที่ซึ่งทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ไม่มีข้อจำกัดของพรมแดนอีกต่อไป ทำไมจะเป็นไปไม่ได้