หลังจากที่เกิดวิกฤตของสงครามระหว่าง ยูเครนและรัสเซีย เกิดขึ้น ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงต่าง ๆ นั้นเริ่มตกต่ำลงอย่างมาก โดยเฉพาะเหรียญคริปโตเคอเรนซี ที่ส่งผลอย่างชัดเจนลดลงอย่างรุนแรงกว่า 30% – 50% เลยทีเดียว และในช่วงสงครามทำให้เศรษฐกิจต่าง ๆ ทั่วโลกนั้นเริ่มซบเซาลงอย่างมาก ทั้งราคาพลังงานปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงทำให้ราคาสินค้าสำหรับประชาชน บริโภคและอุปโภคค่อย ๆ ปรับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ แถมยังมีเงินภาวะเงินเฟ้อที่จำเป็นจะต้องรีบแก้ไขอีก เห็นได้ว่าตอนนี้มีปัญหามากมายที่รุมเร้านักลงทุนอย่างมาก นักลงทุนควรจะต้องหาวิธีการป้องกันและปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมในช่วงนี้
ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงสงคราม
ผลกระทบที่เกิดขึ้นในสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง คริปโตเคอเรนซี หุ้น ตราสารหนี้ ที่มีการปรับตัวลดลง ซึ่งหนักเบาไม่เท่ากัน แต่ละประเทศนั้นมีผลกระทบในช่วงวิกฤตสงครามอย่างไรบ้าง
คริปโตเคอเรนซี ปรับตัวลดลงทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น บิทคอยน์ อิเธอเรียม ไบแนนซ์ และเหรียญอื่น ๆ ก็ลดลงอย่างมากในช่วงนี้
หุ้นยุโรปนั้นได้รับผลกระทบสูง เนื่องจากเป็นคู่ค้าหลักของรัสเซีย และยังอยู่ในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงถึง 5.1% จากการปรับราคาเพิ่มขึ้นของแก๊สและน้ำมัน
หุ้นสหรัฐอเมริกานั้นได้รับผลกระทบปานกลาง แต่ยังไม่มีความชัดเจนในการดำเนินนโยบายการเงิน ซึ่งก็จะมีภาวะเงินเฟ้อรุนแรงถึง 7.4% ที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกานั้นจะต้องหาวิธีการแก้ไข รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา 10 ปี มีความผันผวนอย่างมาก ส่งผลโดยรวมต่อตลาดการลงทุนตราสารหนี้
หุ้นไทยยังถือว่าอยู่ในระดับที่ปกติ เพราะมีแรงหนุนจากเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และมีข่าวดีจากการเริ่มกลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ทำให้หุ้นต่าง ๆ นั้นยังไม่ได้ปรับตัวลงมากนัก
หุ้นจีนและญี่ปุ่น ยังคงอยู่ในระดับปกติที่บริษัทเอกชนชั้นนำยังคงมีรายได้จากกิจการอย่างต่อเนื่อง และการปรับตัวลดลงนั้นยังไม่มากนัก
ทองคำ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากเกิดวิกฤตของสงคราม สินทรัพย์ที่รักษามูลค่าได้ยังเป็นที่ต้องการของนักลงทุน แต่เมื่อมีการประกาศนโยบายจาก FED ออกมาในการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลต่อทองคำด้วยเช่นกัน
น้ำมัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เนื่องจากรัสเซียที่เป็นผู้ส่งออกพลังงานรายใหญ่ของโลกโดยปิดกั้นจากหลาย ๆ ประเทศ ทำให้สินค้าขาดแคลนลงราคาจึงปรับตัวสูงทันที
นักลงทุนควรต้องปรับพอร์ตการลงทุนสินทรัพย์ให้เหมาะสม
จะเห็นได้ว่าในช่วงนี้สินทรัพย์เสี่ยงต่าง ๆ ของในแต่ละประเทศมีการปรับตัวลดลงมากน้อย ตามผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับสงคราม ในเอเชียยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ตลาดหุ้นจึงยังไม่มีปรับตัวลดลงมากเท่าที่ควรแต่ถ้าหากสงครามเริ่มดำเนินไปยาวนานขึ้น ในอนาคตนั้นทั้งโลกจะได้รับผลกระทบเหมือนกันทั้งหมด
ในการปรับพอร์ตการลงทุนนั้นนักลงทุนต้องประเมินความเสี่ยงที่รับได้ในช่วงนี้ว่ารับได้ในขั้นใดบ้าง
สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ ให้เลือกลดการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงทั้งหมดลง ไม่ว่าจะเป็น คริปโตเคอเรนซี หุ้น ตราสารหนี้ แล้วลงทุนในสินทรัพย์ที่จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนอย่าง ทองคำและน้ำมัน ให้มากขึ้น
สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้ การลงทุนในหุ้นตอนนี้ก็เหมาะที่จะเข้าซื้อเพื่อสะสมไว้ ในระยะยาวบริษัทต่าง ๆ นั้นจะต้องฟื้นคืนกลับมาได้ แต่อาจจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง เพราะมีปัญหาทั้งเรื่องของสงครามและเงินเฟ้อที่ต้องแก้ไข
การลงทุนเหรียญคริปโตเคอเรนซี ในช่วงนี้ยังไม่เหมาะสมที่จะเข้าลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนระยะสั้น แต่ในระยะยาวมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดีในอนาคต ยิ่งเมื่อยูเครนและรัสเซียเกิดปัญหาภาวะของเงินที่มูลค่าลดลงอย่างมาก ทำให้เงินสกุลดิจิทัลนั้นเป็นที่ยอมรับขึ้นมา แต่ก็ยังไม่มากเพียงพอที่จะส่งผลให้มูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้
ไม่ว่าจะเลือกลงทุนแบบไหน สิ่งสำคัญก็คือจังหวะการลงทุนจะต้องมีการเตรียมพร้อมตลอดเวลา เพื่อหมุนเวียนเงินลงทุนไปยังสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้ตลอดเวลา ในช่วงนี้กระแสการลงทุนนั้นยังไม่แน่นอน มีโอกาสที่สินทรัพย์ต่าง ๆ นั้นจะเติบโตและลดลงอย่างมากเช่นกัน นักลงทุนเองต้องศึกษาความเป็นไปได้และผลที่จะเกิดขึ้น รวมถึงการวางแผนการลงทุนให้พร้อมรับสถานการณ์ต่าง ๆ ให้มากที่สุด