ภาวะฟองสบู่เกิดขึ้นให้เราเห็นหลาย ๆ ครั้ง ซึ่งก็ดูเหมือนว่าประวัติศาสตร์ มักวนกลับซ้ำรอยให้คนยุคใหม่เรียนรู้อีกครั้ง นักลงทุนคริปโตเคอเรนซี กำลังได้เรียนรู้ความจริงเกี่ยวกับความโหดร้ายของ Cryptocurrency bubble คือ ภาวะของตลาด ซึ่งครั้งนี้หลังจากที่ช่วง เดือนกุมภาพันธ์ ที่แล้วราคาของตลาดคริปโตเคอเรนซีพุ่งสูงขึ้น แต่ผ่านมาเพียงไม่นานจนถึงตอนนี้ ราคาของตลาดคริปโตเคอเรนซี ก็ร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ณ ตอนนี้เรียกได้ว่า ร่วงทะลุแนวต้านแล้วแนวต้านอีก ไม่ว่าจะเป็นราคาของ Bitcoin ที่ 18,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือว่าร่วงต่ำสุดในรอบ 2 ปี ซึ่งทางที่ดีที่สุดสำหรับการอยู่รอดในทุกภาวะตลาด คือการเรียนรู้เกี่ยวกับโมเดลของ Cryptocurrency bubble ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง และจะมีผลกระทบอย่างไรบ้าง
โมเดลการเกิดฟองสบู่สู่ โมเดล Cryptocurrency bubble คือ อะไร ?
Charles Kindleberger นักประวัติศาสตร์ ที่ศึกษาเกี่ยวกับการเกิดภาวะฟองสบู่ ได้อธิบายถึง 5 ขั้นตอนของการเกิดขึ้นของฟองสบู่แต่ละครั้ง นั้นก็คือ
- Displacement
- Boom
- Euphoria
- Financial Distress
- Revulsion
Displacement คือการเริ่มต้นพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัยนั้น ก็คือ การเดินทางรถไฟ การขนส่งทางเรือ อินเทอร์เน็ต และปัจจุบันคือ Blockchain Boom คือการเริ่มต้นดึงดูดนักลงทุนเข้ามาเรื่อย ๆ Euphoria คือจังหวะที่ข่าวลือเกี่ยวกับการลงทุน เริ่มเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย มีหลายคนกำลังกลายเป็นเศรษฐีพันล้านหมื่นล้าน
ซึ่งก็เปรียบว่าคือ Bitcoin ในปัจจุบัน ซึ่งในช่วงจังหวะนี้ เป็นจังหวะที่คนเริ่มแห่แหนกันเข้ามา เพื่อทำกำไรซื้อขายกันด้วยความหวังที่ว่าจะทำเงินอย่างรวดเร็ว แต่ไม่นานก็เริ่มมีข่าวโจมตีทำให้ราคาของ Bitcoin ร่วงลงเรื่อย Financial Distress คือความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของสกุลเงินดิจิทัล เริ่มมีให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ และถึงจุดหนึ่งอาจจะเริ่มมีการเทขายอีกครั้ง และเมื่อถึงตรงนั้นราคาก็จะร่วงเร็วพอ ๆ กับที่มันพุ่งขึ้นมา
เพราะหลายฝ่ายเริ่มมองว่า Bitcoin นั้นยังไม่สามารถขยับมาเป็นตัวกลางซื้อขายสินค้าในชีวิตประจำวันได้ แถมยังไม่ได้เป็นสินทรัพย์ที่มั่นคงอะไรนัก Cryptocurrency bubble คือ ภาวะที่เกิดขึ้นได้ มันยากมากที่จะหาจุดปลายทางตอนขาขึ้น และแน่นอนว่าขาลงก็ไม่รู้ว่าปลายทางอยู่ที่ไหนเช่นเดียวกัน และเมื่อเวลานั้นมาถึงจริง ๆ เราก็เข้าสู่ระยะสุดท้ายของฟองสบู่ “Revulsion” ที่ทุกคนเบือนหน้าหนี และด่าถึงความเลวร้ายของตลาด และโชคชะตาที่ทำให้ตัวเองนั้น สูญเสียเงินมหาศาลที่ทำงานเพื่อแลกมาทั้งชีวิต
Cryptocurrency bubble คือ ภาวะตลาด ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้บ่อย ๆ
เมื่อเกิด Cryptocurrency bubble คือ ภาวะตลาดที่เกิดขึ้นแล้ว ก็สามารถมีฟองใหม่เกิดขึ้นอีกครั้ง และอีกครั้ง และเรื่อย ๆ แต่อาจจะเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อย ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสที่ Cryptocurrency bubble จะไม่เกิดขึ้นและราคาไต่กลับขึ้นไปสูงกว่าเดิม ก็เกิดขึ้นได้ อย่างน้อย ๆ มันคือความหวังแม้จะน้อยนิดก็ตามที
อาจเกิดภาวะ Cryptocurrency bubble คือ คำเตือนที่จะเกิดหลังเดือนมีนาคม
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย และ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า
“สนับสนุนการเก็บภาษี และกำกับควบคุมคริปโตเคอเรนซีที่เข้มงวดขึ้นของทางการ คริปโตเคอเรนซีนี้ไม่พ้นภาวะ Cryptocurrency bubble และการแตกตัวของฟองสบู่ระลอกสอง ระลอกแรกได้ผ่านมาแล้วจากการที่คริปโตเคอเรนซี หลายสกุลได้ปรับตัวราคาลงมามากกว่า 40% หรือ บางสกุลก็แทบจะไม่มีมูลค่าหรือมีการฉ้อโกงกันเกิดขึ้น โดยคาดว่าสัญญาณฟองสบู่คริปโต จะแตกชัดเจนหลังเดือนมีนาคม เมื่อสภาพคล่องในระบบการเงินโลกลดลง จากการลด QE และขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ( FED )”
อ้างอิงจาก: thansettakij.com
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรจับตามอง เกี่ยวกับความผันผวนของตลาดคริปโตเคอเรนซี และข่าวการเกิด Cryptocurrency bubble คือ อะไร ? เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ? ซึ่งรวมไปจนถึง บทวิเคราะห์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซีให้มาก ๆ เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยง ในการลงทุนไปในตัว