วิเคราะห์สถานะการเงินในช่วงที่ผ่านมา เงินดอลลาร์สหรัฐฯ นั้นได้เริ่มอ่อนค่าลง จากภาวะสงครามและเศรษฐกิจที่ไม่ดีในช่วงนี้ ทำให้กระแสการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเริ่มกลับมาอีกครั้ง ทั้งตลาดหุ้นและคริปโตเคอเรนซี กลับมามีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่าเดิมได้ โดยที่ได้วิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ดังนี้
เมื่อดอลลาร์สหรัฐฯ กำลังอ่อนตัวลง นักลงทุนเริ่มสนใจสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
จากมูลค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าในวันที่ผ่านมา มีการลดช่วงบวกที่ทำไว้เมื่อวันก่อนออกไปบ้าง นักลงทุนและนักวิเคราะห์ได้ประเมินมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ทำให้มูลค่าสินค้าต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น และ FED อาจจะยังไม่สามารถกำหนดนโยบายขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในเร็ว ๆ นี้
ดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ที่ 115.56 เยน ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวันพฤหัสบดีที่ 115.52 เยน ส่วนยูโรอยู่ที่ 1.1267 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันศุกร์ โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับ 1.1191 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี ทางด้านดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 96.570 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี ร่วงจากระดับ 97.104 ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี ส่วนรูเบิลแข็งค่า 1.67% มาที่ 83.04 ต่อดอลลาร์ หลังจากร่วงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 89.986 ต่อดอลลาร์เมื่อวันพฤหัสบดี
ทางสหรัฐอเมริกาได้เปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นมากเกินคาดในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ แม้แรงกดดันด้านราคาเพิ่มขึ้นก็ตาม ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อรายปีแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี แต่ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล ( PCE ) นั้นกลับเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมกราคม หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนธันวาคม 2021
เมื่อมีการใช้เครื่องมือ FedWatch Tool ของตลาด CME ได้ผลลัพธ์ที่บ่งชี้ว่า การคาดการณ์ที่ธนาคารกลางสหรัฐ ( FED ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.50% ในการประชุมวันที่ 15 – 16 มีนาคม นั้นลดลงสู่ 25% จากราว 34% ในการประเมินครั้งก่อน
นักลงทุนเริ่มเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้นทำให้มูลค่าของเหรียญ บิทคอยน์ พุ่งขึ้น 1.4% มาที่ 38,937.21 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ อิเธอเรียม พุ่งขึ้น 2.58% มาที่ 2,703.53 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ยังต้องระวังเรื่องสงครามที่กำลังปะทุขึ้นอีกรอบในไม่ช้านี้ ถ้าหากยังเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในยูเครนต่อไป สินทรัพย์เสี่ยง ก็มีโอกาสที่จะโดนเทขายอีกครั้ง