Bitcoin ร่วงหนักในรอบ 5 เดือน

Bitcoin ( บิทคอยน์ ) ร่วงหนักในรอบ 5 เดือน หลัง ( เฟด ) ประกาศลดวงเงิน QE

มูลค่าเหรียญพี่ใหญ่อย่าง Bitcoin ในค่ำคืนที่ผ่านมาลดต่ำกว่า 40,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน โดยที่เหรียญเบอร์ 1 ของสกุลเงินดิจิทัล ได้ปรับตัวลงมาแตะ $38,838.04 โดยปรับตัวลดลง 7. 51% ภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง ขณะที่เว็บ CoinMarketCap กล่าวว่าการร่วงลงของเหรียญในครั้งนี้ทำให้ตลาดเงินสกุลดิจิทัลดึง Bitcoin ( บิทคอยน์ ) ไปสู่จุดต่ำสุดในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานสาเหตุ Bitcoin ร่วงหนัก

สำนักข่าว Reuters ได้ประเมินว่าการปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงครั้งนี้ของเหรียญ Bitcoin ซึ่งลากเหรียญอื่น ๆ ในกระดานร่วงตามลงไปด้วย นั้นมีสาเหตุหลักมาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ ( เฟด ) ประกาศว่าจะมีการลดวงเงิน QE ในอัตราที่เร่งขึ้นเป็นสองเท่าจากเดิม ซึ่งมีผลให้ยอดวงเงิน QE ทุกบัญชีจะสิ้นสุดในเดือน มี.ค. 2565 นี้ และยังได้มีการส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยจากการลงมติกว่า 3 ครั้งในปี 2565 ซึ่งเร็วกว่าที่หลายสำนักข่าวคาดการณ์ไว้อย่างมาก และ สาเหตุหลักครั้งนี้ ที่ทำให้ราคา คริปโตเคอเรนซี ร่วงลงอย่างมากในช่วงนี้ อาจจะเป็นผลมาจากการที่อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล ( Yield ) ได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เป็นผลให้มีการโยกย้ายเงินลงทุนของนักลงทุนจากทรัพย์สินที่มีความเสี่ยง

ซึ่งแหล่งข่าววงในว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจเพิ่มค่าธรรมเนียม 3 ครั้งในรอบ 12 เดือนนี้ เพื่อที่จะได้เป็นการกระตุ้นและรื้อฟื้นระบบเศรษฐกิจให้เป็นปกติโดยเร็วที่สุด จากภาวะตกต่ำของการระบาดของโควิดสายพันธุ์ Omicron ทำให้ Bitcoin ( บิทคอยน์ ) มีการปรับตัวลงอย่างรุนแรงในเดือนนี้ มีมูลค่าลงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเพียง 1 เดือนจากปรับตัวลงครั้งล่าสุดเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ในลักษณะ ‘Decrease Prime Decrease Backside’ เป็นผลทำให้เกิดแรงกดดันต่อความเชื่อมั่น จึงส่งผลให้ราคาลดลงไปเตะที่ $39,600 จากราคาต่ำสุดในเดือนกันยายน 2564

ลดแรงทุกตัว Bitcoin ลาก ETH ลดลง -9% ในรอบวันเดียวกัน

อิเธอเรียม ปรับตัวติดลบ -9.06% ภายในรอบ 24 ชั่วโมง แตะ $2,857.33 ในวันที่ 21 มกราคม 2565 โดยทางเว็บ CoinMarketCap รายงานว่าราคาของเหรียญ ETH สกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับสองของตลาด คริปโตเคอเรนซี ได้ลดลงรวมกว่า -13. 5% ในสัปดาห์สุดท้าย

สถานการณ์จากต่างประเทศของ Bitcoin และตลาด คริปโตเคอเรนซี

และนอกจากนั้นการที่ยังมีข่าวที่สร้างแรงกดดันให้กับตลาด คริปโตเคอเรนซี นั่นก็คือการธนาคารกลางของรัสเซียได้ออกมาเสนอว่าควรมีการแบน คริปโตเคอเรนซี เพราะรัสเซียได้มองว่าเป็นภัยต่อความมั่งคงของประเทศ ทั้งนี้ประเทศรัสเซียถือว่ามีผู้ประกอบการธุรกิจขุดเหมือง Bitcoin ( บิทคอยน์ ) มากที่สุดติดอันดับต้น ๆ ของโลก รองจากประเทศจีนก่อนที่ทางรัฐบาลจีนได้ประกาศกวาดล้าง คริปโตเคอเรนซี และการทำเหมืองขุด Bitcoin อย่างรุนแรง ส่งผลให้นักลงทุนและผู้ประกอบการต่างโยกย้ายการทำธุรกิจขุดเหรียญไปยังพื้นที่ประเทศอื่น ทำให้ประเทศรัสเซียในตอนนี้มีการขุดประมาณ 11% ของสัดส่วนทั่วโลก รองจากประเทศคาซัคสถานและสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

จากกระแสข่าวต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว ยังมีข่าวการแบนเหรียญอีกมากมายในช่วงที่ผ่านมา มีรัฐบาลหลายประเทศประกาศควบคุมตลาด คริปโตเคอเรนซี นอกจากประเทศไทยแล้วล่าสุด ธนาคารกลางสิงคโปร์ก็ได้มีการประกาศกฎห้ามโฆษณาเกี่ยวกับ คริปโตเคอเรนซี ในที่สาธารณะ รวมถึงโฆษณา คริปโตเคอเรนซี ในโซเชียลมีเดีย โดยให้เหตุผลว่ามีความเสี่ยงสูงสำหรับนักลงทุนที่ยังไม่รู้กลไกลตลาดและไม่เหมาะสมสำหรับมือใหม่อย่างยิ่ง