ต้องรู้ ฟองสบู่ NFT จะไม่ยั่งยืนหากไม่มีเครื่องมือวิจัยตลาดเพิ่มเติม

ต้องรู้ ฟองสบู่ NFT จะไม่ยั่งยืนหากไม่มีเครื่องมือวิจัยตลาดเพิ่มเติม

โครงการและคอลเลกชัน NFT จำนวนมหาศาล ส่วนใหญ่แล้วมีปัญหาในความซับซ้อนของการวิเคราะห์มูลค่าของโครงการ ทำให้ยากสำหรับนักลงทุนในการตัดสินใจในด้านมูลค่าโดยอ้างอิงจากสิ่งที่โฆษณาเกินจริงมากเกินไป และการปั่นกระแสก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มูลค่าของ NFT นั้นเพิ่มขึ้นจนเกินกว่าปกติ

NFT อาจจะหมดยุคฟองสบู่ ถ้าหากยังไม่มีตัวชี้วัดมูลค่าที่แท้จริง

ตั้งแต่ปี 2012 ได้มีโทเคนที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ออกมา หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ NFT แล้วก็กลายเป็นกระแสหลักในปีที่แล้วตามหลังตลาดกระทิงล่าสุดที่เพิ่งจบลงไป

สำหรับหลาย ๆ คน สินทรัพย์ประเภทนี้มาจากที่ไหนก็ไม่รู้ เปลี่ยนจากสิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาโดยสิ้นเชิงไปจนถึงการลงทุนแบรนด์ใหญ่ ๆ ของโลก ก็ได้เห็นหลักฐานของสิ่งนี้จากคนดังอย่าง Justin Bieber โพสต์การซื้อ NFT บนโซเชียลมีเดียและบริษัทต่าง ๆ เช่น JP Morgan และ Facebook ( ปัจจุบันคือ Meta ) ก็เริ่มสนใจในตลาดของ NFT มากขึ้น

ด้วยการเพิ่มเงินทุนเข้าสู่ตลาดนี้ กระตุ้นพฤติกรรมการซื้ออย่างต่อเนื่องของนักลงทุน ทำให้นักลงทุนที่คาดหวังจำนวนมากได้เริ่มถามว่า “อันตรายจากการเข้าร่วมในตอนที่เพิ่มขึ้นนี้คืออะไร”

เช่นเดียวกับการลงทุนอื่น ๆ ในโลกนี้ NFT นั้นซับซ้อนกว่าที่เห็น การเลือกลงทุนตามเทรนด์ “หรือเชื่อโฆษณาเกินจริง” เพียงอย่างเดียวอาจเป็นเกมที่อันตรายสำหรับนักลงทุน พิจารณาความคล้ายคลึงจากฟองสบู่ดอทคอมซึ่งส่งผลให้มีการประเมินมูลค่าของบริษัทเกี่ยวกับธุรกิจเว็บไซต์หลายแห่งมากเกินไป การลงทุนกับบริษัทเหล่านี้จบลงด้วยการล้มละลายจำนวนมากของนักลงทุน ในตลาดที่พังทลายในปี 2543 ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและมีความคล้ายกับสถานการณ์ในปัจจุบันนี้เช่นกัน

แต่ประวัติศาสตร์ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้นักลงทุนเลิกสนใจเกี่ยวกับ NFTs อย่างสิ้นเชิง แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงโอกาสในการปรับปรุงกระบวนการคิดที่อยู่เบื้องหลังการลงทุน ดังนั้นปัญหาจึงอยู่ที่การลงทุนตามอารมณ์มากกว่าเหตุผล จากข้อมูลในอดีตแสดงให้เห็นว่า เมื่อความกลัวและความโลภครอบงำตรรกะ นักลงทุนส่วนใหญ่จะถูกเผาไหม้

ก่อนที่จะลงทุนในตลาดที่ดูเหมือนว่าจะทำกำไรได้นั้น นักลงทุนควรศึกษาหัวข้อนี้อย่างละเอียดเพื่อทำความเข้าใจมูลค่าของสินทรัพย์อ้างอิง ในอัตราปัจจุบัน NFTs กำลังเติบโต เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องมีการซื้อโครงการด้วยความเข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับคุณของ NFT ให้เหนือกว่าการโฆษณาในปัจจุบัน

NFT ควรจะต้องให้อำนาจการวิจัยที่เพิ่มขึ้น

ในปัจจุบันนี้การพิจารณาว่ามูลค่าพื้นฐานของ NFT ได้รับการประเมินแตกต่างจากเครื่องมือการลงทุนแบบเดิมทั้งหมด ในตอนนี้มูลค่าของ NFT จะพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความเป็นเจ้าของ ประโยชน์ใช้สอย ความหายาก และข้อพิสูจน์ทางสังคม ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่สามารถพบได้โดยดูจากรายงานทางการเงิน ทำให้ความซับซ้อนการตีมูลค่าของ NFT นั้นยากมากขึ้น

คอลเลกชันอย่าง Bored Ape Yacht Club มีเกือบ 10,000 NFTs โดยอันที่แพงที่สุดขายได้กว่า 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และส่วนอื่น ๆ เป็นเพียงเศษเสี้ยวของโทเค็น อิเธอเรียม ( ETH ) แม้ว่านักลงทุนจำนวนมากจะสนใจไปที่คอลเลกชันเฉพาะตามข่าวสาร ตามผู้มีชื่อเสียง หรือ Twitter เนื่องจากการประเมินมูลค่าทรัพย์สินนี้ง่ายกว่า แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะระบุมูลค่าทั้งโครงการด้วยตัวของมันเอง เนื่องจากอาจมีสินทรัพย์หลายแสนรายการที่ไม่มีมูลค่าใด ๆ เลย

ดังนั้น การได้รับความรู้เกี่ยวกับ NFT จำเป็นต้องมีการวิจัยสนับสนุนจำนวนมาก เริ่มต้นด้วยคำแนะนำจาก Twitter, Discord, แพลตฟอร์มข่าว และตลาดอื่น ๆ ตามด้วยการวิจัยเชิงลึกมากขึ้นหากโครงการเป็นที่รู้จักน้อยกว่า เมื่อทำการเจาะลึกลงไปแล้ว นักลงทุนควรวิจัยผู้สร้างโครงการ เทคโนโลยีและประโยชน์ของโครงการ ดังที่เห็นได้จากเอกสารไวท์เปเปอร์ และดูเครื่องมือเพื่อกำหนดสิ่งที่ทำให้ NFT เฉพาะเจาะจงแตกต่างไปจากเดิม ซึ่งเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากแต่ควรที่จะทำเป็นอย่างยิ่ง