- กลุ่มเหรียญที่รักษามูลค่า ( Store of Value )
จะเป็นกลุ่มเหรียญที่มีความเป็นมาที่แน่นอนว่าจะเป็นเหรียญที่สร้างขึ้นมาอย่างจำกัด ไม่มีการเพิ่มจำนวนในอนาคตอย่างแน่นอน ทำให้ตัวเหรียญนั้นรักษามูลค่าของตัวเองได้เป็นอย่างดี สามารถเพิ่มมูลค่าขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามจำนวนการลดลงในตลาด
กระดานเทรด ต่าง ๆ เมื่อมีน้อยลง มูลค่าก็จะเพิ่มขึ้น หรือบางคนอาจจะมองเหรียญในกลุ่มนี้เป็นเหมือน
สินทรัพย์ดิจิทัล ที่จะสามารถถือครองไว้ได้หลายปีแต่มูลค่าของตัวเหรียญก็จะคงมีอยู่เสมอ ไม่ว่าค่าเงิน จะเปลี่ยนแปลงไปแบบไหนก็ตาม
ตัวอย่างเหรียญในกลุ่มนี้ก็จะเป็น
Bitcoin ( BTC ), Litecoin ( LTC ), Bitcoin Cash ( BCH ) ซึ่งก็เป็นเหรียญกลุ่มหลัก ที่มีมาอย่างยาวนานมาก เป็นกลุ่มเหรียญแรก ๆ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็น
คริปโตเคอเรนซี และเหรียญกลุ่มนี้ยังเป็นตัวกำหนดทิศทางของเหรียญในกลุ่มอื่น ๆ ส่วนใหญ่ได้ด้วย มูลค่าจะขึ้น หรือลง เหรียญอื่น ๆ ก็จะปรับตามเหรียญกลุ่มนี้เสมอ
- กลุ่มเหรียญที่มีระบบสัญญาอัจฉริยะ ( Smart Contract )
เหรียญกลุ่มนี้จะเป็นเหมือนกับ ยุคของเหรียญดิจิทัล ที่มีการพัฒนามากขึ้นในเป็นระบบ
Blockchain 2.0 ที่มีการเพิ่มส่วนของ
Smart Contract เข้ามาเพื่อช่วยในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้อย่างดี และยังสามารถให้นักพัฒนาแอปพลิเคชั่นเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโปรเจกต์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินไม่ว่าจะเป็น
DEX, DeFi, NFT, Game-Fi ซึ่งโปรเจกต์เหล่านี้จะทำให้เหรียญมูลค่าของเหรียญนั้นเพิ่มขึ้นมาได้
ตัวอย่างของเหรียญกลุ่มนี้ก็จะมี
Ethereum ( ETH ), Cardano ( ADA ), Polkadot ( DOT ), Kusama ( KSM ) ซึ่งเป็นเหรียญที่สร้าง Chain ของตัวเองขึ้นมาหรือว่าเป็นระบบของตัวเองที่ให้นักพัฒนาเข้ามาร่วมงานได้ ซึ่งมองแบบง่าย ๆ จะเป็นเหมือนกับผู้ให้บริการรายใหญ่ที่เปิดโอกาสให้นักพัฒนามาสร้างระบบภายใน เพื่อนำไปต่อยอดได้ เมื่อโปรเจกต์ลูกเติบโตได้ดี กลุ่มเหรียญหลักก็จะมีโอกาสเพิ่มมูลค่าตามไปด้วยเช่นกัน
- กลุ่มเหรียญ DeFi ( Decentralized Finance )
เหรียญกลุ่ม
DeFi หรือที่เรียกเต็ม ๆ ว่า
Decentralized Finance เป็นเหรียญที่พัฒนาต่อยอดมาจากกลุ่มของ
Smart Contract ที่จะเป็นการทำโปรเจกต์เกี่ยวข้องกับการเงินของเหรียญ คริปโตเคอเรนซี ในการเปิดให้นักลงทุน นั้นเข้ามาลงทุนตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ และจะให้ผลตอบแทนคืนแก่นักลงทุนเหมือนการออมเงินในธนาคาร หลักการเช่นเดียวกันแต่เป็นการใช้งานในกลุ่มเหรียญ
คริปโตเคอเรนซี
ตัวอย่างกลุ่มนี้จะมี
Uniswap ( UNI ), Maker ( MKR ), AAVE และก็มีมากมายที่พัฒนาขึ้นมา ในกลุ่มนี้นักลงทุนจะต้องศึกษาให้ดีก่อนลงทุน เพราะบางที่นั้นผลตอบแทนสูงมากเกินกว่า 100% ต่อปีเลยทีเดียว
- กลุ่มเหรียญสำหรับใช้ส่งต่อมูลค่า ( Value Transfer )
เหรียญกลุ่มนี้จะเป็นเหรียญที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็น ตัวกลางในการแลกเปลี่ยน โอนย้าย ที่จะใช้โอนเงินข้ามประเทศ ข้ามโซน ที่จะทำให้รวดเร็วมากขึ้น เสียค่าธรรมเนียมในการดำเนินการน้อยลง เป็นจุดประสงค์ของเหรียญในกลุ่มนี้ที่สร้างมาโดยเฉพาะ
ตัวอย่างเหรียญในกลุ่มนี้ก็จะมี
Ripple ( XRP ), Stellar ( XLM )
- กลุ่มเหรียญ Oracle
เหรียญกลุ่มนี้จะเป็นเหมือน ดาต้า ของวงการเหรียญ
คริปโตเคอเรนซี ที่จะเป็นตัวจัดการด้านข้อมูลต่าง ๆ ให้กับโปรเจกต์ที่เข้ามาใช้งานข้อมูลเพื่อนำไปพัฒนา DAPP ที่ให้นักลงทุนใช้งานกันต่อไป และเหรียญกลุ่มนี้จะเป็นเหรียญที่ขาดไม่แล้วในปัจจุบันนี้ เพื่อแอปพลิเคชั่นมากมาย เริ่มมีการใช้บริการและอนาคตก็เป็น BIG DATA ของโลกการเงินได้เช่นกัน
เหรียญในกลุ่มนี้ก็จะมี
Chainlink ( LINK ), Band Protocol ( BAND )
- กลุ่มเหรียญ Stablecoin
เหรียญกลุ่มนี้จะเป็นเหมือนกับ เงินสำหรับแลกเปลี่ยนและกำหนดค่าใน
คริปโตเคอเรนซี ที่จะเป็นตัวแทนของสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ โดยที่เหรียญกลุ่มนี้จะมีวิธีการที่ทำให้ตัวเหรียญนั้นมีมูลค่าที่ใกล้เคียงกับเงิน Fiat อย่างมาก มีความผันผวนน้อย
เหรียญกลุ่มนี้ก็จะมี
USDT, USDC, DAI, BUSD
- กลุ่มเหรียญมีม ( Meme )
เหรียญกลุ่มนี้จะเป็นเหรียญที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นกระแสใน
คริปโตเคอเรนซี เรียกได้ว่าเพื่อความสนุกสนานล้วน ๆ ไม่ได้สร้างมาเพื่อทำอะไรอื่นใด ๆ เลย แต่นักลงทุนส่วนใหญ่จะชื่นชอบในเหรียญตัวนี้กันมาก เพราะมีความผันผวนสูงมาก โอกาสทำกำไรหลายเท่าตัวก็มีจากเหรียญในกลุ่มนี้เช่นกัน
เหรียญกลุ่มนี้ก็จะมี
Dogecoin ( DOGE ), Shiba Inu ( SHIB )