Elliott Wave เป็นวิธีการนับ การขึ้นลงของ กราฟ ที่มีทฤษฎีมาจาก การศึกษาจากการทำพฤติกรรมต่าง ๆ ของ กราฟ ว่ามีพฤติกรรมการขึ้นและการลงอย่างไร ซึ่งสามารถอธิบายทางเทคนิคและวิเคราะห์ทางเทคนิคได้อย่างชัดเจนนั่นทำให้นักลงทุนต่าง ๆ ต่างใช้วิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคของเอลเลียตเวฟ ( Elliott Wave ) ในการเก็งกำไร
Elliott Wave คลื่นที่ 1
ในทฤษฎี Elliott Wave คลื่นที่หนึ่งไม่ค่อยชัดเจนในช่วงเริ่มต้น ราคา และ กราฟ อาจจะพุ่งสูงขึ้นอย่างมากในช่วงแรก และความผันผวนโดยนัยในตลาดออปชั่นจะอยู่ในระดับสูง ปริมาณการซื้อขายอาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อราคาสูงขึ้นถึงจุดหนึ่ง
Elliott Wave คลื่นที่ 2
ในทฤษฎีคลื่นเอลเลียต คลื่นที่สองจะแก้ไขคลื่นที่หนึ่ง แต่ไม่สามารถขยายเกินจุดเริ่มต้นของคลื่นที่หนึ่งได้ ในขณะที่ราคากลับมาทดสอบที่ระดับต่ำสุดก่อนหน้านี้ ภาวะตลาดหมีก็ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ยังคงมีสัญญาณเชิงบวกปรากฏขึ้น การลดลงของราคานั้นไม่ควรต่ำกว่า 61.8% ของคลื่นที่หนึ่ง และราคาควรลดลง เพื่อทำจุดเริ่มต้นของคลื่นที่ 3 ตาม การวิเคราะห์คลื่นอีเลียต
Elliott Wave คลื่นที่ 3
ในทฤษฎีคลื่นเอลเลียต คลื่นที่สามมักจะเป็นคลื่นที่ใหญ่ที่สุด และทรงพลังที่สุด ( แม้ว่างานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่าในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ คลื่นที่ห้าเป็นคลื่นที่ใหญ่ที่สุด ) ราคาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จะมีการย่อของราคาให้เห็นอยู่บ้างเล็กน้อย คลื่นที่สามมักทำราคาไว้สูงกว่าคลื่นที่หนึ่งด้วยอัตราส่วน 1.618:1
คลื่นที่ 3 นั้นเป็นคลื่นที่ได้รับความสนใจจากเหล่านักลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นคลื่นที่จะทำราคาได้สูงมากที่สุด และมีการย่อของราคาให้เห็นได้เพียงแค่เล็กน้อย ทำให้เหล่านักลงทุนส่วนมากต่างรอที่จะเก็งกำไรในช่วงคลื่นที่ 3 นี้กัน
Elliott Wave คลื่นที่ 4
ในตอนท้ายของเคลื่อนที่ 4 จะมีการซื้อเพิ่มขึ้น และราคาเริ่มที่จะปรับตัวขึ้นอีกครั้ง คลื่นที่สี่มักจะมีการพักตัวของราคา และทำให้เกิดการ Side – way โดยที่ราคานั้นอาจจะมีการตกลงมา ซึ่งจะต้องไม่น้อยกว่า 38.2% ของคลื่นที่สาม ซึ่งถ้าหากเป็นไปตามเงื่อนไขแล้ว นี่เป็นจุดที่ดีที่จะทำให้เกิดคลื่น 5 ที่จะมีการปรับขึ้นของราคา ให้เห็นอยู่บ้าง
Elliott Wave คลื่นที่ 5
ในทฤษฎีคลื่นเอลเลียต คลื่นที่ห้าเป็นขาสุดท้าย น่าเสียดายที่นี่คือเวลาที่นักลงทุนทั่วไปจำนวนมากจะถอดใจในช่วงคลื่นที่ 4 ก่อนที่จะขึ้นสู่ระดับสูงสุด โดยปกติแล้วคลื่นที่ 5 มักจะต่ำกว่าคลื่นที่ 3 แต่ก็มีบางครั้งที่คลื่นที่ 5 นั้นสามารถพุ่งสูงขึ้นไปทำราคาสูงสุดใหม่ได้ ซึ่งหลายครั้งตัวบ่งชี้โมเมนตัมจำนวนมากจะเริ่มแสดงความแตกต่างของราคา และค่าของ Indicator ( ราคาแตะระดับสูงสุดใหม่ แต่ตัวบ่งชี้ และ Indicator จะไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ ) ในตอนท้ายของตลาดกระทิงที่สำคัญของคลื่นทั้ง 5 นี้ ตลาดหมีอาจมาเยือน แนะนำให้ราคาร่วงลงมาเป็นอย่างมาก
และนี่ก็คือ รูปแบบของ Elliott Wave ตามทฤษฎี แบบรวบรัด นักลงทุนสามารถนำเทคนิคเหล่านี้เพื่อที่จะไปประยุกต์ใช้กับการลงทุนได้ ในการลงทุนทุกครั้งมีความเสี่ยง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะต้องศึกษาหาข้อมูลก่อนที่จะลงทุนในแต่ละครั้ง
อ้างอิงข้อมูลจาก: elliotwave.net